กรมสรรพากรชงอัยการฟันธงอุทธรณ์คดีเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปโดยมิชอบ
กรมสรรพากรเผย ขอหารืออัยการกรณีศาลภาษีอากรกลางตัดสินคดีเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปโดยมิชอบ ระบุ ยังมีเวลาพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ภายใน 30 วันนับจากศาลตัดสินและขอขยายระยะเวลาได้อีก 30 วัน ชี้หากที่สุดศาลฎีกาตัดสินตามคำพิพากษาข้างต้นกรมฯก็พร้อมคืนทรัพย์ที่อายัดมา
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า กรมฯได้รับทราบกรณีคำตัดสินของศาลภาษีอากรกลางในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องยอมรับในคำพิพากษา ส่วนการดำเนินการอย่าไงรต่อไปขอหารือกับอัยการก่อน โดยกรมสรรพากรพร้อมดำเนินการตามคำแนะนำของอัยการ
ด้านนางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากรกล่าวว่า กรมฯ ได้รับทราบคำตัดสินของศาลภาษีอากรกลางในคดีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยกรมฯกำลังพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับอัยการสูงสุด ทั้งนี้ การอุทธรณ์การพิจารณาจะต้องดำเนินการภายใน 30 วันนับตั้งแต่ศาลมีคำตัดสิน และ สามารถขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ไปได้อีก 30 วัน
“กรมฯ อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุด และ คดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด เพราะยังมีขั้นตอนการพิจารณาโดยศาลฎีกาอีก อย่างไรก็ดี ทางกรมฯจะต้องหารือกันว่า จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไร ส่วนจะยื่นอุทธรณ์ ได้ทันวันที่ 18 ส.ค.นี้หรือไม่นั้น ขณะนี้ ยังให้คำตอบไม่ได้ ต้องรอผลหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน”
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่กรมฯออกหมายเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อบุตรชายและบุตรสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชน)จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งสองยังไม่ดำเนินการชำระภาษี กรมฯจึงได้ทำการอายัดทรัพย์ไว้ก่อน
อย่างไรก็ดี โฆษกกรมสรรพากรกล่าวว่า ขณะนี้ ตนกำลังตรวจสอบว่า ที่ผ่านมาได้มีการอายัดทรัพย์ดังกล่าวมาได้จำนวนเท่าใด และ สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้หรือไม่ ทั้งนี้ หากศาลฏีกาพิจารณาตัดสินตามการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ทางกรมฯก็ต้องปฏิบัติตาม กล่าวคือ ต้องคืนทรัพย์ที่ได้ยึดมาทั้งหมด