เลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” กลับสู่โหมด “ปกติ”
“ศบค. ชุดใหญ่” พิจารณายกเลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ซึ่งนับว่าเป็นจังหวะที่ดี ประเทศไทยจะได้ใช้โอกาสนี้ผลักดันให้ “การท่องเที่ยว” เข้ามาเป็นฟันเฟืองหลัก พลิกฟื้นบรรยากาศการจับจ่าย หนุนเม็ดเงินสะพัด ให้สะพัดเพิ่มในระบบเศรษฐกิจได้อีกครั้ง
สถานการณ์โรคระบาดที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 3 ปี บัดนี้ทุกอย่างบรรเทา เบาบางลง วานนี้ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ระบุว่า ที่ประชุมจึงเห็นชอบเตรียมเสนอ ศบค. ชุดใหญ่ พิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งหากเห็นชอบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องยุบศบค. รวมทั้งยุบหน่วยงานภายใต้ศบค. รวมทั้งคำสั่งต่างๆ ที่ออกโดย ศบค. ด้วย
หัวใจสำคัญของการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่เลขาฯ สมช. บอก เพราะต้องการให้ระบบเศรษฐกิจประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ และอยากให้ประชาชนมีอาชีพมีรายได้
ที่ผ่านมาตัวเลขด้านการท่องเที่ยวดีมาก ชดเชยกับภาวะวิกฤติเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือสถานการณ์ของโลกขณะที่ในเรื่องสุขอนามัยส่วนตัว เช่น การสวมใส่แมสก์ น่าจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นมาตรการป้องกันต่อตัวเอง และผู้อื่นเพราะยังคงมีคลัสเตอร์ย่อยๆ ในกลุ่มสังคมที่มีการรวมตัวกัน หากในภาพรวมภูมิคุ้มกัน ประชาชนในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก มียาเพียงพอ โรงพยาบาล และหมอก็เพียงพอ
ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป โควิด-19 จะเป็นเพียงโรคเฝ้าระวัง หากใครมีอาการน้อย หรือไม่มีอาการเลย ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัว เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่สามารถเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องโชว์ผลวัคซีน หรือ เอกสารใดๆ นั่นย่อมทำให้การเดินทางเข้าประเทศไทยสะดวกขึ้น ถูกใจบรรดานักเดินทาง เป็นปัจจัยบวกให้ภาคการท่องเที่ยวได้ขยับขยาย ทำกิจกรรมเพิ่มเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ หนุนเม็ดเงินให้สะพัด เป็นตัวช่วยพยุงเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ก็มองเป็นปัจจัยบวก อาจจะไม่ถึงขั้นฟื้นตัวแบบก้าวกระโดด แต่ส่งผลดีต่อบรรยากาศการเดินทางในภาวะที่ยังมีอุปสรรคส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เช่น ต้นทุนราคาน้ำมันสูง ส่งผลต่อค่าตั๋ว ขณะที่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. คาดการณ์ว่าไตรมาส 4 นี้ ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 2 ล้านคนต่อเดือน หรือคิดเป็น 6 ล้านคน ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2565 แตะระดับ 12-16 ล้านคน
นับว่าเป็น “จังหวะที่ดี" ที่เมื่อประเทศไทยเข้าสู่โหมดปกติ จะได้ใช้โอกาสนี้ผลักดันให้การท่องเที่ยวเข้ามาเป็น ฟันเฟืองหลักพลิกฟื้นบรรยากาศการจับจ่าย หนุนเม็ดเงินสะพัด ให้สะพัดเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ ที่วันนี้ไม่เฉพาะประเทศไทย แต่ทั้งโลกต้องหาโซลูชันรับมือจาก อัตราเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น พลังงานแพง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยมุ่งเป้าไปที่การต่อสู้ภาวะเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ทั้งส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับลดดอกเบี้ยจนกว่าจะคุมอัตราเงินเฟ้อได้