เศรษฐกิจโลกส่อถดถอย ไทยยังรอท่องเที่ยวจีน
หากเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ในปีหน้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มาก เพราะอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว โดยมีแรงขับเคลื่อนภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ
ขณะนี้สัญญาณการส่งออกเริ่มชะลอตัว โดยคำสั่งซื้อไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เทียบกับปี 2564 มีอัตราการขยายตัวได้เกือบ 10% แต่มีความเป็นไปได้ว่าอัตราการส่งออกในปีหน้า 2566 จะไม่ถึง 5% เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มแผ่ว หลังการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป จีน ซึ่งถือเป็นประเทศหลักที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้มูลค่าการค้าโลกชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมทั้งส่งผลต่อการส่งออกของหลายประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามไปด้วย และ เป็นได้ที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย มีโอกาสเข้าสู่ภาวะชะลอตัวหรืออาจถึงขั้นถดถอย ล่าสุดตัวเลขส่งออก 8 เดือน อยู่ที่ 11 % มีความเป็นไปได้ว่าการส่งออกบางรายการสินค้าอาจเริ่มสัญญาณการปรับลดคำสั่งซื้อลง หรือชะลอคำสั่งซื้อในระยะถัดไป
จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเร่งขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศตลาดศักยภาพลำดับรอง เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ อาเซียน รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านหรือกลุ่มภูมิภาคเดียวกัน เพื่อความมั่นคงด้านวัตถุดิบและเอื้อประโยชน์ทางการค้า เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าในอนาคต หากการส่งออกชะลอสวนทางการนำเข้าที่ยังสูง จะทำให้เศรษฐกิจไทยอาจขาดเสถียรภาพได้ เป็นการเตรียมการไว้รับมือในอนาคต
แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” จะออกมาการันตีว่าหากเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ในปีหน้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มาก เพราะอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ซึ่งเป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ก้าวกระโดด โดยมีแรงขับเคลื่อนภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ และเมื่อมีการเปิดประเทศ เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากขึ้น ซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว
ดังนั้นการที่เศรษฐกิจของไทย จะฟื้นตัวอย่างไร ได้มากน้อยแค่ไหน ความหวังจึงอยู่ที่ภาคท่องเที่ยวที่คาดว่ากำลังฟื้นตัว และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องราว 25% จำนวนกว่า 10 ล้านคนจากก่อนโควิดนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนก่อนโควิด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน
ซึ่งต้องจับตามองการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนวันที่ 16 ต.ค.2565 ว่าผู้นำจีนจะผ่อนคลายมาตรการซีโร่โควิด เพื่อให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวมากกว่า 10 % และประเทศไทยจะได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีน ทั้งการท่องเที่ยว และส่งออกตามที่คาดหวังหรือไม่ รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเอเปค วันที่ 16-18 พ.ย.นี้จะสามารถเชิญชวนนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้มากขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศตะวันออกกลาง เอเชีย และอาเซียน ซึ่งหากทำได้จะเป็นตัวช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยได้อีกทางหนึ่ง