"Synology" เจาะ "ตลาดไทย" ชูนวัตกรรมเก็บข้อมูล-ปลอดภัยขั้นสูง หวังเป้า30%
Synology เปิดเกมรุก บุก "ตลาดไทย" พร้อมเปิดตัวโซลูชันใหม่ด้านการจัดเก็บข้อมูลสำหรับธุรกิจทุกขนาด เน้นความปลอดภัยขั้นสูง คุ้มค่า ทางเลือกหลากหลาย หวังดันเป้าโต 30%
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ตัวแทนบริษัท Synology Inc จำกัด ผู้ให้บริการด้านการจัดการและปกป้องข้อมูล คือ น.ส.โจแอน แวง Sales Director และ น.ส.ธัชวรรณ ชินชนากานต์ Regional Sales Manager (ASEAN) ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจ พร้อมกับเปิดตัว โซลูชันการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ ซึ่งพร้อมบุกตลาดในประเทศไทย เพื่อให้บริการธุรกิจทุกขนาด
โดย น.ส.โจแอน แวง กล่าวย้ำถึงการให้บริการด้านการจัดการข้อมูลของบริษัท ว่า เราเน้นในเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูลของลูกค้า ดังนั้นในนวัตกรรมที่บริษัทเตรียมเดินหน้าในปีต่อไป คือ ความปลอดภัยขั้นสูงสุดขณะเดียวกันจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายใต้ความคุ้มค่าของการลงทุน โดยปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมทั่วโลกกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 21,633 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 20-30% ดังนั้นในปี 2566- 2568 ต่อไปบริษัทจึงตั้งเป้ายอดเติบโตประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 36,055 ล้านบาท
"โดยเน้นไปที่เรื่อง Hybrid Solution ที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัว เพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลงของข้อมูลทั้งในแง่ปริมาณที่เพิ่มขึ้น การรักษาความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลจากหลายจุด ตามการเติบโตขององค์กร การผนวกโซลูชันทั้งแบบ On-Premise และ Public Cloud ที่พัฒนาโดย Synology เองทั้งหมด ทำให้เราควบคุมต้นทุนและกำหนดโซลูชันเองได้ และในปี2566 เราจะเปิดตัว Synology Scale Out ที่เน้นความสามารถในการขยายความจุมากกว่า 12PB โดยเพิ่มคลัสเตอร์ได้ และออกแบบขึ้นมา โดยคำนึงถึงความยืดหยุ่นที่เน้นการทำงาน” น.ส.โจแอน กล่าว
น.ส.โจแอน กล่าวด้วยว่าช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา Synology มีส่วนเข้าไปสนับสนุนในหลายธุรกิจ ให้ก้าวข้ามความท้าทายต่าง ๆ ได้ เช่น Synology Drive ทำให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น แม้ต้องทำงานที่บ้าน, Active Backup for Business ช่วยสำรองข้อมูลจากหลาย ๆ แพลตฟอร์มกลับมาที่ NAS ได้ในคอนโซลเดียว เป็นต้น และสิ่งที่ ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง คือ ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถเลือกได้ตามความต้องการใช้งานและต้นทุน ลดภาระค่าใช้จ่าย ด้านซอฟต์แวร์ เพราะซอฟแวร์ของเราใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายสิทธิ์การใช้งานเพิ่มเติม แม้ว่า โควิด-19 จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ Digital Transformation เป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญและต้องเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกองค์กรยังต้องคำนึงถึงคือการคุมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบ
ด้าน น.ส.ธัชวรรณ ย้ำถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจในส่วนของประเทศไทยว่า ในปี 2566 ตลาดหลัก คือ ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้าน ทิศทางที่ Synology ต้องการจะโฟกัส คือ ข้อมูลที่มีค่ามากกว่าทอง การจัดการข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและเมื่อธุรกิจเติบโตข้อมูลก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ การรับมือกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องให้ความสนใจเรื่องจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ
"สำหรับในประเทศไทยเอง Synology มีบริการที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในหลายอุตสาหกรรมแล้ว ตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล โรงงานผลิต สถานศึกษา สถานพยาบาล เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาในปี 2565 เรามุ่งเน้นทำการตลาดแบบออนไลน์ แต่ใน ปี 2566 จะกลับมารุกกิจกรรมแบบอออฟไลน์ เช่น การออกงานอีเวนต์ จัดกิจกรรมหรืองานสัมมนาต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเราเตรียม ทุ่มงบประมาณด้านการตลาดเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนทุกโซลูชันของ Synology ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ” น.ส.ธัชวรรณ กล่าว.