‘แบงก์ล้ม’ระเนระนาด สัญญาณร้ายศก.โลก
หากวิกฤติแบงก์ล้มครั้งนี้ นับว่าเป็นสัญญาณสุดเลวร้ายที่กำลังบอกทั้งโลกรวมถึง “ไทย” ว่า อย่าประมาทวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจกำลังไต่ระดับสู่ขั้นเลวร้ายสูงสุด
แม้แต่ในประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา ยังเอาไม่อยู่ เมื่อระบบการเงินการลงทุนเดินเข้าสู่จุดวิกฤติ ทำให้ธนาคาร 3 แห่งล้มได้ในชั่วพริบตา
ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน Silvergate ผู้ให้บริการด้านคริปโทฯ และ Silicon Valley Bank ธนาคารที่เน้นปล่อยกู้ให้กลุ่มบริษัทสตาร์ตอัปประกาศปิดกิจการ
ตามมาด้วย กระทรวงการคลังสหรัฐ พร้อมด้วยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ออกแถลงการณ์ ปิดกิจการ “ซิกเนเจอร์ แบงก์” ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐนิวยอร์ก เนื่องจากมีความกังวลว่า จะเกิดความเสี่ยงในเชิงระบบ ซึ่งซิกเนเจอร์ แบงก์ เป็นหนึ่งในธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
การประกาศปิด 3 แบงก์ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่มากของระบบการเงินโลก เป็นสัญญาณ “ร้าย” ที่สุดจะวิกฤติ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ยังถดถอยลงเรื่อยๆ
ความกังวลที่ก่อตัวขึ้นทันทีเมื่อหลายฝ่ายแสดงความหวั่นวิตกว่า จะมีแบงก์ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ล้มระเนระนาดตามมาหรือไม่ รวมถึงความเสี่ยงของระบบการเงินการธนาคารในประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้มแข็งพอ
ขณะที่ การลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงินก็กลายเป็นเรื่องที่น่าห่วง รวมไปถึงกลุ่มเทคโนโลยี หรือเหล่าบรรดาสตาร์ตอัป ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของการผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ ป้อนโลก จะเกิดการชะงักงันของ “เงินทุน” เรียกว่า การล้มของแบงก์ในซิลิคอนวัลเลย์ครั้งนี้ สะเทือนทั้งโลกการเงิน และโลกเทคโนโลยีอย่างร้ายแรง
บิล แอคแมน นักลงทุนชื่อดังชาวสหรัฐเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่สภาวะล่มสลาย จากการที่ประชาชนแห่ไปถอนเงินในธนาคารพาณิชย์อื่น
แม้ว่าทางการสหรัฐจะสร้างความมั่นใจด้วยการ เข้าไปอุ้มผู้ฝากเงินของ SVB และออกมาตรการเสริมสภาพคล่องให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แบงก์ล้ม ครั้งนี้ โลกการเงินผวากันถ้วนหน้า
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า การล่มสลายของ SVB เป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติทางการเงินในปี 2008 เป็นเหตุให้ระบบการเงินทั่วโลกในทุกประเทศจะประมาทสถานการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ เป็น case study สำคัญที่ต้องเรียนรู้
ส่วนในประเทศไทยนั้น แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย จะออกมาให้ความมั่นใจว่า กรณี SVB ต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทย มีจำกัด เนื่องจากไม่มีธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีธุรกรรมโดยตรงกับ SVB และปริมาณธุรกรรมโดยรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไทยในกลุ่มฟินเทค และสตาร์ตอัปทั่วโลก มีน้อยกว่า 1% ของเงินกองทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ที่สำคัญพบว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยไม่มีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ....
หากวิกฤติแบงก์ล้มครั้งนี้ นับว่าเป็นสัญญาณสุดเลวร้ายที่กำลังบอกทั้งโลกรวมถึง “ไทย” ว่า อย่าประมาทวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจกำลังไต่ระดับสู่ขั้นเลวร้ายสูงสุด