ฤดูกาลเลย์ออฟ! ‘บริษัทเทคสหรัฐ’ เจ็บหนักสุด เลิกจ้างกว่า 38,000% จากปี 65

ฤดูกาลเลย์ออฟ! ‘บริษัทเทคสหรัฐ’ เจ็บหนักสุด เลิกจ้างกว่า 38,000% จากปี 65

เศรษฐกิจสหรัฐส่อเค้าถดถอยลงเมื่อตัวเลขเลิกจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 38,000% จากปีที่แล้ว และนอกจากบริษัทเทคที่เจ็บหนักแล้ว ยังมีกลุ่มธุรกิจใดที่เจ็บอีกบ้าง

Key Points

  • ปี 2566 บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐปลดพนักงาน 102,391 ตำแหน่ง หรือเพิ่มขึ้น 38,487% จากปีที่แล้ว
  • ตัวเลขคนตกงานกว่า 100,000 ตำแหน่ง คิดเป็นสัดส่วน 38% ของจำนวนพนักงานที่ถูกเลิกจ้างทั้งหมดในทุกอุตสาหกรรม
  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ 228,000 ราย สูงกว่าที่ดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่ 200,000 ราย

 

สำนักข่าว CNBC รายงานอ้างข้อมูลจากบริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ระบุว่า หลายบริษัทในสหรัฐประกาศเลิกจ้างพนักงานเกือบ 90,000 ตำแหน่งในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและปีที่แล้ว

ในจำนวน 90,000 ตำแหน่งที่ถูกเลย์ออฟนี้ รวมถึงประเภทที่นายจ้างแจ้งล่วงหน้าก่อนแล้ว (Planned layoffs) จำนวน 89,703 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้น 15% จากเดือน ก.พ. และในปี 2566 (นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน) การปลดพนักงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 270,416 ตำแหน่ง หรือเพิ่มขึ้น 396% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว

 

  • “บริษัทเทคโนโลยี” เจ็บหนักที่สุด

ความเสียหายนี้เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยในนับจากต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน บรรดาบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐปลดพนักงานลง 102,391 ตำแหน่ง หรือเพิ่มขึ้นถึง 38,487% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก

ตัวเลขคนตกงานกว่า 100,000 รายนี้ คิดเป็นสัดส่วน 38% ของจำนวนพนักงานที่ถูกเลิกจ้างทั้งหมดในทุกอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีได้ปลดพนักงานไปมากกว่าทั้งปีที่แล้ว 5% และตัวเลขเลิกจ้างนี้ก็มีแนวโน้มพุ่งแซงในปี 2544 ช่วงเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอทคอม

แอนดรูว์ ชาลเลนเจอร์ (Andrew Challenger) รองประธานอาวุโสของบริษัท Challenger, Gray & Christmas กล่าวว่า “เรารู้ว่า หลายบริษัทกำลังดำเนินธุรกิจในปีนี้อย่างระมัดระวัง ถึงแม้เศรษฐกิจยังคงมีการจ้างงานอยู่ก็ตาม และเนื่องจากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง ต้นทุนบริษัทก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงเกิดการเลิกจ้างครั้งใหญ่ต่อไป”

 

ฤดูกาลเลย์ออฟ! ‘บริษัทเทคสหรัฐ’ เจ็บหนักสุด เลิกจ้างกว่า 38,000% จากปี 65

- Google บริษัทเทคด้านเสิร์ชเอนจินก็เตรียมปลดพนักงานอีก 12,000 ตำแหน่ง (เครดิต: AFP) -

 

  • ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน “สูงเกินคาด”

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมอยู่ที่ 228,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่ดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่ 200,000 ราย

นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ยังพุ่งไปถึง 1.823 ล้านราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2564

 

  • บริษัทการเงินเลิกจ้างมากที่สุดอันดับ 2

บริษัทที่เลิกจ้างพนักงานมากที่สุดอันดับ 2 ในสหรัฐ คือ บริษัทการเงิน โดยปีนี้เลิกจ้างไปแล้ว 30,635 ตำแหน่ง หรือเพิ่มขึ้น 419% จากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว

ขณะที่บริษัทปลดพนักงานมากที่สุดอันดับ 3 คือ บริษัทด้านเฮลธ์แคร์และค้าปลีก สาเหตุหลักเป็นเพราะบริษัทต่าง ๆ กังวลเศรษฐกิจอนาคต จึงวางแผนลดการจ้างงานลง

ในขณะเดียวกัน บริษัทต่าง ๆ ก็วางแผนลดการจ้างงานลงในเดือน มี.ค. อีก 9,044 ตำแหน่ง หรือเป็นครั้งเลวร้ายที่สุดในเดือนดังกล่าว นับตั้งแต่ปี 2558 เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน แผนเพิ่มการจ้างงานรวมรายไตรมาสก็อยู่ในระดับต่ำสุด นับตั้งแต่ปี 2559

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ตอบผลสำรวจโดยดาวโจนส์ คาดการณ์ว่า การเติบโตของการจ้างงานในเดือน มี.ค. อยู่ที่ 238,000 ตำแหน่ง ถือเป็น “การเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุด” นับตั้งแต่เดือน ม.ค.2563

ขณะที่การเลย์ออฟพนักงานในสหรัฐอยู่ในระดับสูง จำนวนงานที่เปิดรับสมัครกลับเริ่มลดลง

ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (4 เม.ย.) ระบุว่า ตำแหน่งงานที่เปิดรับในเดือน ก.พ. ลดลงต่ำกว่า 10 ล้านตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2564 สะท้อนว่าตลาดการจ้างงานคลายตัวขึ้นพอสมควร

ขณะที่การจ้างงานใหม่ก็ลดลง 164,000 ตำแหน่ง ถึงแม้ตัวเลขการเลย์ออฟลดลง 215,000 ตำแหน่ง สะท้อนว่าแม้ตลาดแรงงานจะคลายตัวบ้าง แต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ระดับหนึ่ง อันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินเฟ้อยังคงไม่สามารถลงได้โดยง่าย

 

  • ภารกิจจัดการเงินเฟ้อของเฟด

ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พุ่งเป้าจัดการตลาดแรงงานในประเทศที่ยังคงตึงตัวสูง ในขณะที่ต้องต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี จากการที่ตำแหน่งงานใหม่ที่เปิดรับมีมากกว่าจำนวนผู้หางาน อันจะทำให้นายจ้างแต่ละบริษัทต้องเพิ่มผลตอบแทนให้สูงขึ้น เพื่อดึงดูดผู้หางาน ซึ่งก็เป็นการเพิ่มต้นทุนของบริษัทและเร่งเงินเฟ้อไปในตัวด้วย

ในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 4.75% เพื่อชะลอความต้องการของผู้บริโภคและลดอัตราเงินเฟ้อ

 

ฤดูกาลเลย์ออฟ! ‘บริษัทเทคสหรัฐ’ เจ็บหนักสุด เลิกจ้างกว่า 38,000% จากปี 65

- เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เครดิต: AFP) -

 

อย่างไรก็ดี FedWatch Tool ของ CME Group ที่คอยติดตามราคาตลาดฟิวเจอร์ มองว่า นักลงทุนในตลาดปัจจุบันกำลังคาดหวังให้เฟดยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และเริ่มลดดอกเบี้ยในปลายปีนี้

อ้างอิง: cnbc