เปิดข้อดี-ข้อระวัง ‘ฟรีวีซ่า’ นักท่องเที่ยวจีน ดาบสองคม กระตุ้นเศรษฐกิจ?
เมื่อรัฐบาลใหม่ “เศรษฐา 1” มีแผนประกาศ “ฟรีวีซ่า” สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 เป็นต้นไป นอกจากเป็นยาแรงในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยแล้ว อาจยังมี “ข้อควรระวัง” ที่รัฐบาลควรรับไว้พิจารณา
Key Points
- เป้าหมายของรัฐบาลในการฟรีวีซ่า คือ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ให้ทะลุ 5 ล้านคน คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ 446,000 ล้านบาท
- GDP ไทยในไตรมาส 2/66 เติบโตเพียง 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.1% โดยการฟรีวีซ่าอาจช่วยกระตุ้นตัวเลขนี้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น
- การเปิดฟรีวีซ่า ถ้าไม่มีการคัดกรองที่เพียงพอ อาจเอื้อให้เกิด “นักท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ” เข้ามาหาประโยชน์ในทรัพยากรไทย โดยรายได้ไม่ได้ตกถึงคนไทย
เมื่อไม่นานมานี้ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ประกาศเตรียมออกมาตรการ “ฟรีวีซ่า” (Free Visa) ให้นักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไปเป็นการชั่วคราวในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลวันชาติจีนนานถึง 1 สัปดาห์
แผนใหม่นี้จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่ต้องขอวีซ่าเข้าไทยอีก มีเพียงหนังสือเดินทาง (Passport) ก็เดินทางเข้าไทยได้อย่างสะดวก นับเป็น “ยาแรง” เพื่อเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย หลังจากรัฐบาลชุดก่อนมีมาตรการเพียง “ยกเว้นค่าธรรมเนียม” การขอวีซ่า
สำหรับเป้าหมายของรัฐบาลเศรษฐา คือ เพื่อกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ให้ทะลุ 5 ล้านคน คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ 446,000 ล้านบาท จากการที่นักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาอุดหนุนสินค้าและบริการต่าง ๆ ในท้องถิ่นไทย ตั้งแต่ร้านขายสินค้าที่ระลึก สินค้าทำมือ (Handmade) อาหารไทย ธุรกิจรถทัวร์ บริการท่องเที่ยว คนขับรถแท็กซี่ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม แม้ฟรีวีซ่านี้ช่วยดึงดูดรายได้การท่องเที่ยวจากจีนได้มากขึ้น แต่ก็มีเสียงท้วงติงว่า การเปิดให้นักเดินทางจำนวนมากหลั่งไหลเข้าประเทศ ถ้าไม่มีการคัดกรองที่เพียงพอ อาจเอื้อให้เกิด “นักท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ” เข้ามาหาประโยชน์ในทรัพยากรไทย ทำให้เม็ดเงินส่วนนี้อาจไม่ตกถึงคนไทยหรือประเทศเท่าที่ควร อย่างกรณี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” และ “ทุนจีนสีเทา” ที่หลบหนีการปราบปรามจากทางการจีนเข้ามาไทยในรูปแบบนักท่องเที่ยว
- ฟรีวีซ่า คืออะไร มีข้อดีอย่างไร
ฟรีวีซ่า คือ การที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า มีเพียงหนังสือเดินทางก็เพียงพอ ซึ่งข้อดี คือ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการทำวีซ่า และประหยัดเวลาในการทำเรื่องเข้าประเทศนั้นลงไม่น้อย
ตามปกติ แต่ละประเทศมีค่าธรรมเนียมวีซ่าที่แตกต่างกัน เช่น สหรัฐเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ 185 ดอลลาร์ หรือราว 6,700 บาท จีนเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ 1,650 บาทสำหรับเข้าออกประเทศ 1 ครั้ง ฯลฯ
อีกทั้งการจะมีวีซ่าและได้รับอนุมัติจากประเทศนั้น จำเป็นต้องผ่านการยื่นเอกสารต่าง ๆ มีระยะเวลาดำเนินการหลายขั้นตอน โดยเฉพาะประเทศที่เข้มงวดด้านวีซ่าอย่างสหรัฐจะมีการสอบสัมภาษณ์ผู้ขอวีซ่าด้วย
ดังนั้น หากประเทศใดออกระเบียบให้ชาวต่างชาติไม่ต้องใช้วีซ่าในการเข้าประเทศ ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาลงไม่น้อย ช่วยเพิ่มแรงดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
- ข้อดีของการฟรีวีซ่าจีน
ไทยนับเป็นประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวสูง โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 25 มิ.ย. 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศรวม 12,464,812 คน สร้างรายได้ให้ประเทศสูงถึง 514,237 ล้านบาท และรัฐบาลตั้งเป้าหมายว่า ภายในปีนี้จะทำให้ไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาทะลุ 30 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจีนทะลุ 5 ล้านคน
การที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยล่าสุดในไตรมาส 2 ปี 2566 เติบโตเพียง 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.1% สะท้อนถึงตัวเลขที่น่าผิดหวังและเศรษฐกิจไทยชะลอตัวมากกว่าที่คาด ดังนั้น นโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนนี้ อาจช่วยเพิ่มแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และทำให้ตัวเลข GDP เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
- กลุ่มนักท่องเที่ยวจีน (เครดิต: Shutterstock) -
- ข้อควรระวังการฟรีวีซ่าจีน
เดิมนั้น ไทยกระตุ้นการท่องเที่ยวจากจีนด้วยการ “ยกเว้นค่าธรรมเนียม” ในการขอวีซ่า แต่ครั้งนี้ในรัฐบาลเศรษฐา คือ “ฟรีวีซ่า” ให้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเมื่อไม่ต้องใช้วีซ่าก็อาจทำให้การคัดกรองคนที่เข้มงวดผ่านวีซ่านั้นลดลง
ทั้งนี้ วีซ่าเข้าไทยจะแบ่งประเภทนักท่องเที่ยวตามวัตถุประสงค์ เป็นวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าทำงาน วีซ่านักเรียน วีซ่าธุรกิจ วีซ่าคู่สมรส ฯลฯ อีกทั้งมีการกำหนดระยะเวลา และขอบเขตกิจกรรมที่สามารถทำได้สำหรับวีซ่าแต่ละประเภท อย่างในบางประเทศ การถือเพียงวีซ่านักเรียน สามารถเรียนหนังสือได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถทำงานในระหว่างเรียนได้
- ตราประทับวีซ่า (เครดิต: Shutterstock) -
เนื่องจากจีนมีประชากรมากถึง 1,400 ล้านคน และเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งในประชากรจีนจำนวนมากนั้น ก็มีชาวจีนจำนวนหนึ่งเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในไทยเพียงอย่างเดียว ดังที่เคยเกิดกรณี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่นักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่ม ติดต่อบริษัททัวร์ที่เป็นเจ้าของคนจีนไว้ล่วงหน้า ซึ่งบริษัททัวร์นี้ใช้ตัวแทนเป็นชื่อคนไทย
เมื่อกลุ่มทัวร์จีนมาถึงไทย ก็จะใช้บริการจากทัวร์จีน ร้านนวด ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกที่มีเจ้าของเป็นคนจีน โดยรายได้ที่เกิดขึ้นไม่ตกถึงมือคนไทยสักบาทเดียว แต่กลับใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสถานที่จากไทยแทน
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเคยเกิดกรณี “ทุนจีนสีเทา” เป็นกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายที่หลบหนีการปราบปรามอย่างรุนแรงจากทางการจีนเข้ามายังไทยแทน และเปิดธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงบ่อนพนันหรือเว็บพนันออนไลน์ เพื่อดึงดูดรายได้จากชาวจีนและชาวไทยที่เข้ามาใช้บริการ
สองกรณีดังกล่าวนี้ อาจพบเห็นมากขึ้นในไทย จากการใช้มาตรการ “ฟรีวีซ่า” นักท่องเที่ยวจีนในเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ทะลักเข้ามาและการคัดกรองที่ลดลง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย
ดังนั้น ความท้าทายที่แลกมากับรายได้การท่องเที่ยวที่สูงขึ้น คือ รัฐบาลไทยอาจจำเป็นต้องเพิ่มการคัดกรองและจำนวนเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แทน โดยเฉพาะตำรวจที่จำเป็นต้องกวดขันและสอดส่องมากขึ้น เพื่อจัดการชาวจีนที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์จากไทยอย่างไม่ถูกกฎหมาย และไม่ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งในทางปฏิบัติอาจถือเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร หากไม่มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างรัดกุม
อ้างอิง: thansettakij, matichon, ustraveldocs, artralux, moneyandbanking