เกิดอะไรกับ ‘Apple’ หลังรายได้วูบ 4 ไตรมาสติด เป็นครั้งแรก! ตั้งแต่เปิดตัว iPhone ปี 2550
ใหญ่แค่ไหนก็ยังต้องเจอขาลง? “Apple” บริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุดในโลก กำลังประสบปัญหาการเติบโต เมื่อรายได้ของบริษัทลดลง 4 ไตรมาสติดต่อกันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดตัว iPhone รุ่นบุกเบิกในปี 2550
Key Points
- “Apple” บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับแถวหน้าของสหรัฐ มีรายได้ลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งถือเป็น “ครั้งแรก” นับตั้งแต่วันเปิดตัว iPhone ในปี 2550
- จากผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Apple ยอดขาย iPhone ดีขึ้น แต่ยอดขาย iPad, Mac และอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ ของบริษัทกลับชะลอตัวลง
- ตลาดจีนถือเป็นรายได้สำคัญของ Apple เพราะ 1 ใน 5 ของรายได้บริษัทมาจากตลาดใหญ่แห่งนี้
“หรือบริษัทจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว?” คำถามนี้ผุดขึ้นในใจสาวก “Apple” จำนวนไม่น้อยทันที เมื่อบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกของสหรัฐรายนี้ มีรายได้ลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งถือเป็น “ครั้งแรก” นับตั้งแต่บริษัทเปิดตัว iPhone รุ่นบุกเบิกในปี 2550
จากตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4 (ก.ค.-ก.ย.) ปี 2566 ซึ่งบริษัทปิดงบการเงินในสิ้นเดือนกันยายน พบว่า Apple มีรายได้อยู่ที่ 89,500 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 1% ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 22,956 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 20,721 ล้านดอลลาร์ของช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
เมื่อจำแนกยอดขายสุทธิ Apple ตามผลิตภัณฑ์ของไตรมาส 4 ปีนี้กับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า “ยอดขาย iPhone ดีขึ้น แต่ยอดขาย iPad, Mac และอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ ของบริษัทกลับชะลอตัวลง” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. iPhone มียอดขายสุทธิ 43,805 ล้านดอลลาร์ โตขึ้น 3% จาก 42,626 ล้านดอลลาร์ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
2. iPad 6,443 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10% จาก 7,174 ล้านดอลลาร์ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
3. Mac 7,614 ล้านดอลลาร์ ลดลง 34% จาก 11,508 ล้านดอลลาร์ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
4. อุปกรณ์สวมใส่และอื่น ๆ เช่น Apple Watch, AirPods ฯลฯ 9,322 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3% จาก 9,650 ล้านดอลลาร์ของช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
5. ธุรกิจบริการ เช่น Apple TV+, Apple Music ฯลฯ 22,314 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จาก 19,188 ล้านดอลลาร์ของช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
- “สงครามการค้า คู่แข่งใหม่และปัญหาอุปทาน” ตัวฉุดรายได้ Apple
สำหรับสาเหตุที่ทำให้รายได้ Apple โดยรวมชะลอตัวลง มาจากคู่แข่งอันน่าเกรงขามจากจีนขึ้นมาท้าชิง คือ สมาร์ทโฟน “Mate 60” ของ “Huawei” บริษัทด้านโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งมาพร้อมชิป 7 นาโนเมตรอันล้ำสมัยในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้
ขณะเดียวกัน สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ตึงเครียดมากขึ้น ประกอบกับทางการจีนออกคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ iPhone จึงทำให้ชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นสาวก Apple หันมาเปลี่ยนใจซื้อ Huawei แทน โดย 1 ใน 5 ของรายได้ Apple มาจากตลาดจีน
นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งตามคำชี้แจงของบริษัท Apple คือ iPhone 15 ประสบปัญหาด้านอุปทานการผลิต เมื่อผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้าแล้ว จึงกระทบต่อรายได้ของบริษัท
- เทศกาลหยุดยาวท้ายปีอาจไม่ช่วยฟื้นรายได้ Apple
ลูกา เมสทรี (Luca Maestri) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Apple มองว่า รายได้ข้างหน้าในไตรมาส 1 ของปี 2567 (ต.ค.- ธ.ค. 66) “มีแนวโน้มทรงตัว” ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว สิ่งนี้สะท้อนว่า Apple กำลังเผชิญความท้าทายในการเติบโต แม้ว่าช่วงปลายปีนี้จะเป็นเทศกาลวันหยุดยาวที่คึกคักก็ตาม
เมสทรีเสริมอีกว่า แม้ว่าช่วงปลายปีนี้ จะมี 13 สัปดาห์ ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วที่ 14 สัปดาห์ แต่เขาคาดว่า รายได้ของบริษัทจะยังคงมีความใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ขณะที่เหล่านักวิเคราะห์ด้านการลงทุนของสหรัฐ มีมุมมองที่เป็นบวกกว่าทาง Apple กล่าวคือ พวกเขามองว่า ยอดขายในไตรมาสเดือน ธ.ค. 66 หรือเรียกว่าไตรมาส 1 ปี 2567 มีแนวโน้ม “เติบโต 5%” มาอยู่ที่ 123,000 ล้านดอลลาร์ จาก 117,150 ล้านดอลลาร์ของไตรมาส 1 ปี 2566
- “รายได้บริการ” ยังหนุนเติบโต
CFO ของ Apple แสดงมุมมองว่า การปรับโฉม iPad ใหม่เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว มีส่วนช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ในปีนี้ บริษัทยังไม่ได้ออกโมเดล iPad ใหม่ใด ๆ
แต่ถ้าเทียบช่วงฤดูวันหยุดยาวระหว่างปีนี้กับปีที่แล้ว จะเห็นว่า ในปีที่แล้ว บริษัทออกผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย ตั้งแต่หูฟัง AirPods รุ่นใหม่, นาฬิกา Apple Watch รุ่นราคาประหยัด และ Apple Watch รุ่นพรีเมียม
ส่วนในปีนี้ Apple วางจำหน่ายหูฟัง AirPods ซึ่งมาพร้อมที่ชาร์จหลายรูปแบบ และเปิดตัวนาฬิกา Apple Watch Ultra โฉมใหม่ในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
เท่านั้นยังไม่พอ บริษัทยังมีตัวชูโรงด้านรายได้อีก คือ “ธุรกิจบริการ” อันมาจากยอดขายแอปพลิเคชันใน App Store, การบริการเก็บข้อมูลทางคลาวด์, AppleCare บริการทำประกันผลิตภัณฑ์ของ Apple, การมีข้อตกลงร่วมด้านโฆษณาและใบอนุญาตกับ Google ซึ่งเป็นบริษัทเสิร์ชเอนจินระดับโลก และรายได้จากค่าสมัครสมาชิก Apple Music ซึ่งให้บริการฟังเพลง
“สำหรับรายได้จากธุรกิจบริการ เราคาดว่า รายได้โดยเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในไตรมาสต่อไป จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งใกล้เคียงกับตัวเลขเดิม โดยอยู่ที่เลข 2 หลักเหมือนช่วงไตรมาสเดือน ก.ย ปี 66 ที่มีการเติบโต 16% เป็น 22,314 ล้านดอลลาร์ จาก 19,188 ล้านดอลลาร์ของช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว” เมสทรีให้ความเห็น
อ้างอิง: apple, mac, cnbc, app
