‘คลินิกแก้หนี้’ ใครร่วมได้บ้าง ช่วยลดดอก จาก 25% เหลือ 3% ผ่อนได้ 10 ปี

Key Points

• หนี้ภาคครัวเรือนไทยที่สูงแตะ 16 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 90% ของ GDP
• คนไทยมีหนี้จากสินเชื่อส่วนบุคคล 39%  และหนี้จากบัตรเครดิต 29%
• โครงการคลินิกแก้หนี้มี 13 ธนาคาร และ 19 Non-bank เข้าร่วม

ท่ามกลางวิกฤติหนี้ภาคครัวเรือนไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ที่สูงแตะ 16 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตามรายงานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อีกทั้งข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปี 2565 คนไทยมีหนี้จากสินเชื่อส่วนบุคคล 39%  และหนี้จากบัตรเครดิต 29%

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเศรษฐา ทวีสินจึงชูโครงการหนึ่งขึ้นมา เพื่อบรรเทาวิกฤติหนี้ดังกล่าว นั่นก็คือ “โครงการคลินิกแก้หนี้” โดยหนี้บัตรเครดิตที่ปรับโครงสร้างหนี้ผ่านคลินิกแก้หนี้ จากดอกเบี้ยเดิม 16-25% จะลดลงเหลือ 3-5% และเปิดให้ผ่อนนาน 10 ปี อีกทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลที่เป็นหนี้เสียก็สามารถเข้าร่วมได้

สำหรับที่มาของ "คลินิกแก้หนี้" คือ แต่เดิมนั้น เมื่อลูกหนี้ผ่อนจ่ายไม่ไหวและจะขอเจรจาลดหนี้ การต่อรองจะเป็นในลักษณะหนึ่งต่อหนึ่ง และเจ้าหนี้ในแต่ละสถาบันก็ลดหนี้ให้ไม่เท่ากัน

ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน รวมถึงทำให้การต่อรองหนี้อยู่ภายใต้การกำกับของธปท. ที่รัดกุมมากขึ้น ในปี 2560 ธปท.จึงริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา 

• ระยะที่ 1 โดยร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติรวมทั้งหมด 16 แห่ง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา “หนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน” ของลูกหนี้รายย่อยให้ครบวงจรในที่เดียว

ส่วนตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ทุกราย คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ที่จะมาคอยช่วยประสานงานด้านต่าง ๆ

• ระยะที่ 2 ในปี 2562 โครงการคลินิกแก้หนี้ได้ร่วมกับผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(Non-Bank) อีก 19 แห่ง และขยายขอบเขตให้รวม “ลูกหนี้บัตรเครดิต” และ “สินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ Non-Bank” เข้ามา
• ระยะที่ 3 ในปี 2563 โครงการคลินิกแก้หนี้ได้ขยายขอบเขตให้สามารถแก้ไข “หนี้บัตรที่มีเจ้าหนี้รายเดียว” และ “หนี้บัตรที่อยู่ในกระบวนการของศาลและมีคำพิพากษาแล้ว”

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

1. เป็นบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ อายุไม่เกิน 70 ปี

2. เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ

3. เป็นหนี้เสีย (NPL) ค้างชำระมากกว่า 120 วัน (ตามรายงานเครดิตบูโร ณ เดือนปัจจุบันต้องมีสถานะค้างชำระตั้งแต่ 121-150 วันขึ้นไป) และหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท อีกทั้งไม่เป็นบุคคลล้มละลาย

ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ

1. ตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

2. กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มใบสมัคร

3. จัดเตรียมเอกสารประกอบการเข้าร่วมโครงการ ดังนี้

1) ใบสมัครเข้าร่วมโครงการ

2) รายงานเครดิตบูโร (ครบทุกหน้า)

3) สำเนาบัตรประชาชน

4) สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)

5) เอกสารแสดงรายได้ (แยกตามกรณี)

- กรณีพนักงานประจำ : สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 1 เดือน

- กรณีอาชีพอิสระ : รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 3 เดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ (ตามแบบฟอร์มแนบท้ายใบสมัคร)

4. ส่ง ตู้ปณ. 40 ปณฝ.ซันทาวเวอร์ส กรุงเทพฯ 10905 (จัดส่งผ่านไปรษณีย์ไทยเท่านั้น เพื่อสามารถตรวจสอบการจัดส่งและป้องกันการสูญหายของเอกสาร)

• ช่องทางการสมัครเข้าโครงการ

1. ผ่านทางเว็บไซต์ www.debtclinicbysam.com หรือ www.คลินิกแก้หนี้.com

2. ผ่านไปรษณีย์ ตู้ปณ.40 ปณฝ.ซันทาวเวอร์ส กรุงเทพฯ 10905

3. ติดต่อที่ สำนักงานโครงการ 1839, 1839/1, 1839/6 โครงการ ดิ อเวนิว รัชโยธิน ชั้น 4 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

4. ติดต่อที่ สาขาของ บสส. 4 สาขา

– สาขาสุราษฎร์ธานี – 213/17 หมู่ 1 ถนนเพชรเกษม ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000

– สาขาขอนแก่น – 381/46-47 หมู่ 17 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000

– สาขาพิษณุโลก – 5/16-17 หมู่ 5 ถนนสิงหวัฒน์ ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000

– สาขาเชียงใหม่ – 109/4 ถนนเชียงใหม่-ลำปาง (ท.ล.11) กม.98.7 เทศบาลตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300

5. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1443 โดยมีเวลาทำการ 09.00 น. – 19.00 น. ให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

• ช่องทางในการยื่นคำขอตรวจเครดิตบูโร

1. บริการตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (จุดบริการสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ncb.co.th)

2.ตรวจเครดิตบูโรผ่าน Mobile Banking MyMo (ธนาคารออมสิน) / Krungthai NEXT (ธนาคารกรุงไทย) / ttb touch (ธนาคารทีทีบี) / KKP Mobile (ธนาคารเกียรตินาคินภัทร)

3. ตรวจเครดิตบูโรผ่าน Internet Banking ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย

4. ตรวจเครดิตบูโรผ่านตู้เบิกเงินสด (ATM) ของธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์

5. ตรวจเครดิตบูโรผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารดังนี้ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ธนาคารกรุงศริอยุธยา และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

6. ตรวจเครดิตบูโร ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ncb.co.th

• 13 ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้  

1. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

2. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

3. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

4. ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน)

5. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

6. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)

7. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

8. ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)

9. ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

10. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)

11. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)

12. ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน)

13. ธนาคารออมสิน

• 19 Non-bank ที่เข้าร่วมมีดังนี้

1. บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด

2. บริษัท เจนเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด

3. บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด

4. บริษัท โลตัสส์ มันนี่ เซอร์วิสเซส จำกัด

5. บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

6. บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน)

7. บริษัท ยูโอบี แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด  

8. บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด

9. บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด

10. บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน)

11. บริษัท ไอทีทีพี จำกัด

12. บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน)

13. บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด

14. บริษัท แมคคาเล กรุ๊พ จำกัด (มหาชน)

15. บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

16. บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)

17. บริษัท นครหลวง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

18. บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด

19. บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

สำหรับที่ตั้งสำนักงานโครงการคลินิกแก้หนี้ คือ เลขที่ 234/3 อาคารโครงการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ อเวนิว รัชโยธิน ชั้น 4 ห้องหมายเลขที่ C401B-C401C ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โดยเปิดให้บริการทุกวันในเวลา 9.00-19.00 น.

อ้างอิง: debtclinic, bangkok, ttbbank