ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ พุ่ง 2.5% รับสัญญาณ 'เฟด' ลดดอกเบี้ยเดือนหน้า
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ปิดบวกเกือบ 2.5% ใกล้แตะ 75 ดอลลาร์ รับสัญญาณประธานเฟดบ่งชี้อาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า และแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ สัญญาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 2.5% ในวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. หลังความเห็นของ "เจอโรม พาวเวล" ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เฟดเตรียมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. และยังได้แรงหนุนจากดัชนีค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.49% ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 79.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ WTI ลบไป 2.4% ในขณะที่ Brent ลบ 0.83%
พาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงในวันศุกร์ แสดงความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะลดลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% และไม่คาดว่าตลาดแรงงานจะชะลอตัวลงอีก ซึ่งความเห็นดังกล่าวปูทางสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยเริ่มที่การประชุมครั้งหน้าในเดือน ก.ย.
อย่างไรก็ดี พาวเวลปฏิเสธที่จะกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับกำหนดเวลาและขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมัน ยังได้แรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงแตะระดับราว 101.45 โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้ราคาน้ำมันถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
ทางด้านมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยในวันศุกร์ว่า สต็อกน้ำมันที่ลดลงได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันด้วย
ส่วนเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานของสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ผลผลิตในอนาคต ทรงตัวที่ 483 แท่นในสัปดาห์นี้ ขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซลดลง 1 แท่น เหลือ 97 แท่น