ผู้ประกอบการวัตถุดิบไทยโชว์ศักยภาพ เตรียมตีตลาดประเทศมุสลิม

ผู้ประกอบการวัตถุดิบไทยโชว์ศักยภาพ เตรียมตีตลาดประเทศมุสลิม

“Food ingredients Asia 2024” อีเวนต์สำคัญที่ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพและความโดดเด่นด้านวัตถุดิบประกอบอาหารในเวทีระดับอาเซียน พร้อมตั้งเป้าตีตลาดประเทศมุสลิมเริ่มจาก “อินโดนีเซีย”

Food ingredients Asia ถือเป็นงานแสดงสินค้าเทคโนโลยี และนวัตกรรม ส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งในครั้งนี้ “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” นำทัพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารจาก 76 ประเทศ

สำหรับงาน Food ingredients Asia ในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 28 ซึ่งครั้งนี้ประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพเพื่อโชว์ศักยภาพและการเป็นฮับเบอร์หนึ่งของภูมิภาคอาเซียน ที่เป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบอาหารของตลาดโลก พร้อมรับมือวิกฤตการณ์อาหารโลกในอนาคต

ที่สำคัญ “อินโดนีเซีย” ยังเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมอาหารใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของโลก มีมูลค่าสูงถึง 280,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,308,320,000,000 บาท)ในปี 2567 อัตราการเติบโตสูงถึง 6.12% ต่อปี  ขณะที่ตลาดเบเกอรีและซีเรียลได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภค ส่งผลให้ตลาดนี้มีมูลค่า 51,990 ล้านดอลลาร์ในปีเดียวกัน (ประมาณ 1,728,355,560,000 บาท) นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดสูง ทำให้ยังมีวัยแรงงานเป็นจำนวนมาก จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกำลังซื้อที่สำคัญ

ทั้งนี้ภายในงานจะมีการออกบูธของผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลก ที่ต่างคนต่างก็ขนเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำเกี่ยวกับการประกอบอาหารอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากประเทศไทย แม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นตลาดการส่งออกที่น่าสนใจแต่ก็ยังมีเรื่องของ “ฮาลาล” เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมทำให้ภาครัฐต้องเข้มงวดกับการนำเข้าอาหารและวัตถุดิบประกอบอาหารมากเป็นพิเศษ

รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า งาน Food ingredients Asia ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะได้แสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เชื่อว่าสินค้าภายใต้แบรนด์ไทยในอุตสาหกรรมนี้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และจะมีโอกาสเพิ่มมูลค่ามากขึ้นหากสินค้านั้นๆ ได้รับมาตรฐานฮาลาล เพราะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดมุสลิมมีขนาดประมาณ 42% ซึ่งเป็นเรื่องดีต่อผู้ประกอบการไทยที่จะหาคู่ค้าหรือพันธมิตรในงาน

“ในฐานะผู้จัดงาน มองว่าแม้การจัดงานปีนี้จะเกิดขึ้นที่อินโดนีเซีย แต่ไม่ได้เป็นการตัดโอกาสของผู้ประกอบการไทย อินโดนีเซียมีประชากรหนาแน่น การบริโภคสูง นี่นับเป็นโอกาสที่ดีต่อผู้เข้าร่วมงาน ทั้งผู้ประกอบการอาหาร เครื่องดื่ม นักวิจัย นักเทคโนโลยีอาหาร จากทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งไทยและต่างประเทศ ที่จะได้อัปเดตเทรนด์อาหาร ที่เปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารเพื่อให้สอดคล้องกับวิกฤตการณ์ด้านอาหารโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงแนวทางการขยายตลาดอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต” รุ้งเพชรอธิบาย

ผู้ประกอบการวัตถุดิบไทยโชว์ศักยภาพ เตรียมตีตลาดประเทศมุสลิม

รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์

ไม่ใช่แค่เรื่องกำลังซื้อเท่านั้นที่เป็นปัจจัยสำคัญ แต่พฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกส่วนใหญ่ก็น่าจับตามองไม่แพ้กันเนื่องจากผู้คนเริ่มมองหาอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพ เช่น ลดความหวาน ความเค็ม ให้พลังงานสูง แคลลอรีต่ำ แต่ยังคงความอร่อย หรือโจทย์ด้านการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางสังคม เช่น ไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ที่การบริโภคและความต้องการของผู้สูงวัยจะเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม

ทางด้านวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่าที่ผ่านมาปัญหาโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แม้จะขายของได้เหมือนเดิมแต่วัตถุดิบก็แพงขึ้น รวมถึงต้องลดราคาสินค้าลงบ้างตามกำลังซื้อที่ลดลง แต่ปีนี้ก็ถือว่าดีขึ้นและไทยอยู่อันดับที่ 12 ในการส่งออก และยังเป็นที่ 3 ของภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ส่วนอันดับ 1 เป็นของจีน ตามมาด้วยอินโดนีเซียในลำดับที่ 2

แม้เทรนด์การบริโภคนั้นเน้นเรื่องสุขภาพเป็นหลัก โดยหลังจากช่วงโควิดผู้คนก็เริ่มมองหาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของปัจจัยที่ต้องพัฒนาให้มากขึ้นก็คือเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เช่น โปรตีน Plant-Based รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการช่วยลดโลกร้อนที่เริ่มได้จากการแก้ปัญหา Food Waste เช่น นำอาหารทะเลที่เหลือทิ้งมาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ เป็นต้น

ผู้ประกอบการวัตถุดิบไทยโชว์ศักยภาพ เตรียมตีตลาดประเทศมุสลิม

วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา

ทั้งนี้ Food ingredients Asia 2024 อินโดนีเซีย เป็นงานแสดงสินค้า เทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน เป็นงานที่ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร ผู้เชี่ยวชาญ ซัพพลายเออร์ ผู้ผลิตจากทั่วโลกมารวมตัวกัน จึงเป็นงานหนึ่งที่ทรงอิทธิพลและเป็นศูนย์กลางในการสร้างเครือข่ายพันธมิตร การแบ่งปันข้อมูล และการค้นหาโอกาสทางธุรกิจเกี่ยวกับส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่ม

นอกจากนี้ทางงานยังมุ่งเน้นการส่งเสริมอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดภัย และมีความยั่งยืน ทำให้งานแสดงสินค้านี้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาค โดยภายในงานมีไฮไลต์ที่น่าสนใจดังนี้

1.Bev hub พื้นที่นำเสนอแนวคิดนวัตกรรมเครื่องดื่มที่ทันสมัย รสชาติใหม่ และโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สนใจอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

2.Halal workshop เวิร์กชอปและการฝึกอบรมที่จะมอบข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับกระบวนการรับรองฮาลาลและโอกาสในตลาดให้กับผู้เข้าร่วม

3.Halal coaching clinic การแบ่งปันข้อมูลและคำแนะนำสำหรับธุรกิจฮาลาล โดย Halal industry Empowerment Center (PPIH) กระทรวงอุตสาหกรรม

4.Snack bar แนวโน้มใหม่ในอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวของอินโดนีเซีย พื้นที่นี้นำเสนอความหลากหลายของตลาดขนมขบเคี้ยวของอินโดนีเซีย

5.Innovation tour ร่วมชมงาน Food Ingredients Asia กับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในตลาดจาก Nutrimarketing สำหรับการทัวร์ชมงานแสดงสินค้าระยะเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเน้นไปที่นวัตกรรมการลดและทดแทนสารน้ำตาล, แนวคิดอาหารที่มีคุณสมบัติสำหรับสุขภาพครบวงจร, และนวัตกรรมขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ

6.Innovation zone สำรวจความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอาหารที่โซนนวัตกรรมกับ Innova Market Insights ค้นพบส่วนผสมใหม่ล่าสุดและการใช้งาน รวมถึงส่วนผสมที่มีประโยชน์, โซลูชันที่ยั่งยืน และผลิตภัณฑ์ที่มีป้ายClean label

7.Sustainability square เยี่ยมชม Sustainability Square สัมผัสประสบการณ์ที่น่าสนใจและลงมือทำจริง เรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน เข้าร่วมกิจกรรมสนุกๆ ที่ออกแบบโดยพันธมิตรด้านความยั่งยืน