'ทีเส็บ' จัดประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรม แสดงสินค้านานาชาติ โชว์ศักยภาพไทย
"ทีเส็บ" จัดประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ “Exhibition Industry Summit 2024” โชว์ศักยภาพประเทศไทย เป้าหมายเป็นศูนย์กลาง จุดหมายปลายทางสำคัญ ของการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก เชื่อมโยงนักธุรกิจ โอกาส และการลงทุน
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ"ทีเส็บ" เตรียมจัดงาน Exhibition Industry Summit 2024 ประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ระดับโลกและภูมิภาค ภายใต้แนวคิด “See Tomorrow Now” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ณ โรงแรม คาเพลลา กรุงเทพฯ
ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ทีเส็บ เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกในการประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) ระดับโลก และภูมิภาค ที่จะแสดงวิสัยทัศน์ แลกเปลี่ยนมุมมอง และแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าจากภาครัฐและภาคเอกชนของไทย
Exhibition Industry Summit 2024 จึงเป็นเวทีสำคัญ ที่จะเชื่อมโยงนักธุรกิจระดับโลก สร้างโอกาสทางธุรกิจ และการลงทุน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การแสดงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลาง และจุดหมายปลายทางสำคัญ ของการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก
อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถที่โดดเด่น และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของไทย ที่พร้อมผนึกกำลังสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติ
ดร.ดวงเด็ด ระบุด้วยว่า ทีเส็บในฐานะองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ได้เชิญผู้นำและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจจากทั่วทั้งยุโรป และเอเชียมาร่วมประชุม และรับฟังวิสัยทัศน์จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนโดยตรง เพื่อสร้างความเข้าใจ เปิดโอกาสทางธุรกิจในอนาคต และก่อให้เกิดการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ให้กลายเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต
การริเริ่มการจัดงาน Exhibition Industry Summit 2024 ขึ้น เนื่องจากทีเส็บตระหนักดีว่า อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาการค้าและเศรษฐกิจของทั้งโลก ประเทศไทยเรามีความพร้อม มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ชัดเจน รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง การประชุมสุดยอดนี้จึงเป็นเวทีที่ทุกคนในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้มาพบปะกัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจร่วมกัน
ทั้งนี้ กิจกรรมในงาน มีทั้งการบรรยาย และการเสวนา โดยผู้นำอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างมีศักยภาพ และสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน อาทิ สุขภาพ (Health & Wellness) โดยประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) มีบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานระดับสากล ในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมายกระดับอุตสาหกรรมเพื่อเข้าสู่ยุคยานยนต์แห่งอนาคต
รวมทั้งยังมีความแข็งแกร่งในด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยและครบวงจร มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ รถไฟความเร็วสูงในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบกับการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค จึงทำให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่ง การค้า การลงทุนทั้งภูมิภาคเข้าด้วยกัน ประเทศไทยจึงมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในฐานะที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพต่อการดำเนินธุรกิจงานแสดงสินค้าเป็นอย่างมาก
ดร.เด็ดดวง ระบุด้วยว่า อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้และดึงชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาร่วมงานในประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566-กรกฎาคม 2567) อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สร้างรายได้ให้แก่ประเทศมากถึง 18,872 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 31 จากปีงบประมาณ 2566 และในด้านจำนวนผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยต่างชาติที่เดินทางเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทยมีจำนวน 284,658 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38
ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมความแข็งแกร่ง และโดดเด่น ให้แก่อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติของไทย คือ ความพร้อมของสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับการจัดงานได้ทุกรูปแบบ การเดินทางสะดวก บริการที่เป็นมิตร ซึ่งจะเห็นได้จากรายงานของสมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI) ล่าสุดในปี 2565 ประเทศไทยมีพื้นที่การจัดงานแสดงสินค้าเป็นอันดับที่ 1 ขยับขึ้นจากอันดับ 2 ของอาเซียน เมื่อเทียบกับปี 2564 และขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย จากเดิมอันดับที่ 8
การจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยและอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ของไทยที่จะได้แสดงศักยภาพและความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก ไปพร้อมกับการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับผู้นำระดับโลก เพื่อกระตุ้นให้เกิดงานแสดงสินค้านานาชาติใหม่ๆ ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต