คาร์ลสเบิร์กซื้อหุ้นข้างมากฉงชิ่งบริวเวอรี่

คาร์ลสเบิร์กซื้อหุ้นข้างมากฉงชิ่งบริวเวอรี่

"คาร์ลสเบิร์ก"สยายปีกเข้ารุกในตลาดเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีน ด้วยการเข้าซื้อหุ้นใน "ฉงชิ่ง บริวเวอรี่" เพิ่มเป็น 60%

ตลาดเอเชียกลายเป็นสมรภูมิการเเข่งขันของบรรดาผู้ผลิตเบียร์ระดับโลก เช่น คาร์ลสเบิร์ก เอบีอินเบฟ เอสเอบีมิลเลอร์ และไฮเนเก้น เข้าแย่งชิงฐานลูกค้าชนชั้นกลางที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เพื่อชดเชยยอดขายที่หดหายไปในตลาดยุโรปและสหรัฐ

ทั้งนี้ การที่คาร์ลสเบิร์กเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในกิจการผลิตเบียร์ของจีนในครั้งนี้ จะทำให้การนำกลยุทธ์ทางธุรกิจมาใช้เพื่อให้กิจการมีความสามารถในการทำกำไรได้ดีขึ้น เป็นไปโดยสะดวก และจะบริหารธุรกิจในจีนที่ดำเนินอยู่แล้วได้อย่างครบวงจร

ผู้ผลิตเครื่องดื่มจากเดนมาร์กรายนี้ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใน "ฉงชิ่ง บริวเวอรี่" ผ่านการเข้าซื้อกิจการ "สก็อตติช แอนด์ นิวคาสเซิล" ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากอังกฤษ เมื่อปี 2550 และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดด้วยสัดส่วนถือหุ้น 29.7% ในปี 2553 จนกระทั่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 30.3% ด้วยมูลค่า 476 ล้านดอลลาร์

ด้านฉงชิ่ง บริวเวอรี่ แถลงต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ว่า การเข้าซื้อหุ้นของคาร์ลสเบิร์กถือเป็นอีกก้าวของความพยายามในการขยายการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่สะท้อนให้เห็นมุมมองเชิงบวกต่อตลาดเบียร์ในจีน ทั้งยังกล่าวว่า คาร์ลสเบิร์กหวังว่าจะเข้าลงทุนซื้อหุ้นในกิจการเพิ่มเติมและด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทั้ง 2 กิจการจะทำให้มูลค่าของ ฉงชิ่ง บริวเวอรี่ เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งผลตอบแทนจากการลงทุนก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

"ยูโรมอนิเตอร์" ธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ประเมินว่า ตลาดเบียร์ในจีนมีมูลค่าราว 74,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยปริมาณการบริโภค 53,000 ล้านลิตร ในปีนี้ โดยคาร์ลสเบิร์กเป็นผู้ผลิตเบียร์อันดับ 6 ของจีนเมื่อปีที่แล้ว ด้วยส่วนแบ่งตลาด 2.6% จากยอดขายอันแข็งแกร่งในบริเวณทางตอนกลางและตะวันตกของประเทศ