"สตาเลียน"ควบอาวุธ"ไทยแบรนด์"เผด็จศึกปีม้า
"สตาเลียนมอเตอร์ไซค์มินิสายพันธุ์ไทยถือฤกษ์ดีปีม้าศึกประกาศโตแบบเท่าตัว พร้อมทำกำไรทุกปี ก่อนเดินหน้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ใน 3 ปีข้างหน้า
“ทุกวันนี้มอเตอร์ไซค์ เป็นแบรนด์ต่างชาติไปหมดแล้ว ‘สตาเลียน’ เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว แม้มันจะไม่ง่ายนัก ที่จะสร้างการรับรู้ตั้งแต่แรกในความเป็นแบรนด์ของคนไทย แต่นี่คือความตั้งใจของเราที่อยากจะให้มีแบรนด์คนไทย เป็นความภูมิใจของคนไทย ในยุคที่เราปรับใหม่ จึงตัดสินใจชูความเป็น Thai brand อย่างเต็มภาคภูมิ”
“อารีรัตน์ ศรีประทาย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาวเวอร์ สตาเลียน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายมินิไบค์ สายเลือดไทย “สตาเลียน” บอกการตัดสินใจครั้งสำคัญ ในการ “รีแบรนดิ้ง” ตัวเอง จาก “more than motorcycle” สู่ “Thai brand motorcycle” หลังดำเนินธุรกิจมาครบ 3 ปี และกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 4 ในวันนี้
การเป็นแบรนด์ของคนไทย อาจเป็นความภูมิใจ แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะสร้างให้เกิดการยอมรับ โดยเฉพาะกับคนไทยด้วยกันเอง ซีอีโอหญิงแกร่งแห่งสตาเลียน ยอมรับว่า พฤติกรรมใช้รถจักรยานยนต์ของคนไทย ยังอยู่ในสภาวะ “ติดแบรนด์” ซึ่งบริษัทต่างชาติส่วนใหญ่ก็ครองใจกันมานานหลายปี แถมยังมีเงินทำการตลาดแบบจัดเต็มและต่อเนื่อง ต่างจากเอสเอ็มอีตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเกิดมาไม่นานอย่างพวกเขา
การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยอาวุธ “ไทยแบรนด์” ทำให้การเดินทางนับจากนี้ยิ่งทวีความท้าทายขึ้น..ยาก และหนักขึ้น
“ที่ผ่านมาการทำให้แบรนด์ของคนไทยเป็นที่ยอมรับ ยังไม่เต็มที่นัก เพราะคนยังติดแบรนด์ต่างชาติที่เขาเคยใช้ หน้าที่ของเราคือต้อง ทำสินค้าให้มีคุณภาพ มีเอกลักษณ์ที่น่าใช้ มีการรับประกันและบริการหลังการขายที่ดี แล้วทำให้คนไทยมาใช้กันเยอะๆ จนเกิดการบอกต่อ เพราะคนไทยต้องยอมรับในแบรนด์ของคนไทยก่อน แบรนด์ไทยจึงจะเกิดได้”
ที่มาของการทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อเติมเต็มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขา
เอากันตั้งแต่ “โลโก้” ที่ค่อยๆ ปรับจากม้าตัวเดียว ที่ดูอ้างว่างเปล่าเปลี่ยว มาเป็นม้าสองตัว ตัวผู้ตัวเมีย จะได้แพร่พันธุ์ลูกๆ ได้ แต่ตำแหน่งหันหลัง ดูจะไม่เข้าท่า เลยปรับให้ม้าหันหน้า เพื่อผงาดไปข้างหน้าอย่างมีอนาคต พร้อมขีดเส้นใต้ให้หนาดูมั่นคงแข็งแรง ยากต่อการลอกเลียนแบบ ก่อนห้อย “Thai brand motorcycle” ผนึกคู่ไปกับโลโก้
“ของแบบนี้ต้องมีครู มีค่าที่ปรึกษา แต่พอทำแล้ว มันใช่ ประกอบกับมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเป็นสัญญาณเยอะมาก ตั้งแต่สินค้าของคู่แข่งที่เขาก๊อปปี้เราก็ถอยไป และในปีที่ผ่านมาเราได้พันธมิตรที่ดี คือ ต้าหยาง (ซีพี) เขามีโรงงานอยู่ที่เมืองจีน และเป็นบริษัทที่คนไทยถือ 55% ซึ่งเรามีแผนงานที่จะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและร่วมกันผลิตรถรุ่นใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด อย่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามินิคาร์ ที่ลดการใช้พลังงานลงได้มหาศาล"
เธอบอก “สัญญาณดีๆ” ที่เกิดขึ้นหลังการรีแบรนด์ และมาเติมเต็มจุดแข็งในด้าน “คุณภาพ” ให้กับสินค้าแบรนด์ไทยได้มากขึ้น ซึ่งการได้รับการสนับสนุนทั้ง โนว์ฮาว และเทคโนโลยี ทำให้แบรนด์เล็กๆ อย่าง สตาเลียน เชื่อในการเติบโตและมั่นใจในการเดินต่อ ที่มาของการตัดสินใจทุ่มงบ กว่า 200 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช ชลบุรี หลังจากก่อนหน้านี้ใช้วิธีจ้างประกอบ เพื่อให้สามารถควบคุมได้ทั้งคุณภาพและลดต้นทุนการผลิต
พร้อมรองรับการเติบโตแบบเท่าตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเออีซี ที่ชิมลางมาแล้วในเวียดนามและลาว สองตลาดซึ่งยังมีโอกาสและยอมรับในแบรนด์ไทย โดยตั้งเป้าปีม้าจะโต 100% กับกำลังผลิตที่ 1.2 หมื่นคันต่อปี
การทำสินค้าให้มี “เอกลักษณ์” เป็นอีกหนึ่งจุดยืนตลอดเส้นทางของพวกเขา ที่มาของม้าหนุ่มหลากรูปแบบ ประกาศความ “เท่อย่างมีสไตล์” อัดแน่นโชว์รูมสตาเลียน การทำรถที่แตกต่าง ซีอีโอสาว บอกเราว่า “ต้องชาญฉลาดในการหารถที่เป็นช่องว่างในตลาด”
“เราต้องหารถที่ยังเป็นช่องว่างในตลาด แล้วเติมเต็มช่องว่างนั้น เพราะถ้าทำสินค้าที่เหมือนใคร เราเพิ่งเข้ามา3-4 ปี กับบริษัทที่เขาทำมา 70-80 ปี และเป็นบริษัทข้ามชาติ แล้วจะเอาอะไรไปสู้เขา ต่อให้ราคาถูกกว่า แต่ก็ใช่ว่าคนจะเลือกเพราะราคาอย่างเดียว เพราะเขาติดแบรนด์ไปแล้ว ที่ต้องทำคือ ของที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ น่าลอง ในราคาจับต้องได้”
การเลือกของใหม่ และยังไม่มีตลาด คือการดิ้นรนหาจุดเล็กๆ เพื่อก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้นำ-ทำก่อน” แบบสตาเลียน และหลายครั้งที่จุดเล็กๆ ในตลาด Niche ซึ่งรายใหญ่ไม่มองนี้จะแจ้งเกิดเอสเอ็มอีพันธุ์เล็กอย่างพวกเขาได้
จากนั้นก็ต้องให้ลูกค้าได้ลองใช้จนเกิด “ความภูมิใจ”
“สังเกตว่ามันไม่ใช่แค่ความพึงพอใจนะ แต่เขาต้องรู้สึกภูมิใจ ภูมิใจในความเป็นไทย ภูมิใจในสินค้าไทย ภูมิใจในรถที่เขารู้สึกว่าเป็นสไตล์ของเขา ซึ่งถ้าผู้ใช้เกิดความภูมิใจก็จะเกิดการบอกต่อโดยอัติโนมัติ”
ที่มาของการเติมเต็มบริการหลังการขาย เพื่อดูแล “ความภูมิใจ” ไม่ให้หล่นหายหลังการครอบครองรถ และใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างใกล้ชิด ประหยัดเม็ดเงินการสื่อสารของมดเล็กเมื่อต้องต่อกรกับยักษ์ใหญ่
“จะเห็นว่าเราคำนึงถึงทุกจุด และต้องอาศัยการมีทีมงานที่ดี มีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแรง เราจะเก่งคนเดียวไม่ได้ โอกาสมาอย่างเดียวก็ไม่พอ โพรดักส์ถูกใจอย่างเดียวก็ไม่พอ แต่ต้องอาศัยหลายองค์ประกอบรวมกัน”
เพราะมีจุดยืนชัดเจน ที่จะทำสินค้าในราคาเข้าถึงได้ แม้ด้วยคุณภาพและดีไซน์จะสามารถทำราคาให้สูงกว่านี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงยังอยู่ในสภาวะที่ “ยังทำกำไรจากสินค้าไม่ได้”
“นี่ไม่ใช่ธุรกิจที่ กำไรล้นหลาม ทำเงินได้เยอะ และเราจะทำแบบตีหัวเข้าบ้านไม่ได้ด้วย ซึ่งเป็นความตั้งใจของเราเอง เพราะอยากให้คนเข้าถึงสินค้าให้มากที่สุด ช่วงแรกจึงเป็นการเรียนรู้ตลาดมากกว่า ปัจจุบันเรารีแบรนด์ แต่ก็เน้นแข่งกับตัวเอง สินค้าเป็นไปตามที่เราตั้งไว้ไหม ในคุณภาพที่เรายอมรับได้ไหม พอใจไหม และขอให้ดีขึ้นทุกๆ ปี เท่านี้โอเคแล้ว การทำงานบางครั้ง ยิ่งดิ้น ยิ่งเหนื่อย บางทีก็ต้องยอมรับว่า เมื่อถึงจังหวะ ถึงโอกาส ถ้าฟ้าเปิด มันจะมาเอง”
คนที่เชื่อในสัญญาณจากข้างในของตัวเอง บอกถึงการทำธุรกิจแบบเข้าใจธรรมชาติ งานไหนที่ทำแล้วหนักใจ ทำแล้ว “ไม่สนุก” ต้องทบทวน เธอเรียกมันว่า คือ ความเรียบง่าย บนการทำธุรกิจ
“ความเรียบง่าย คือ ความพอดี เชื่อว่าสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้ ด้วยการโตแบบค่อยไปค่อยไป ค่อยๆ สร้างฐานของเราให้แข็งแรง และทำให้เราทำธุรกิจแล้วสนุก คนรอบข้างก็สนุกไปด้วย ที่สำคัญผู้นำจะเก่งคนเดียวไม่ได้ แต่ทีมงานต้องตามให้ทันด้วย และก้าวไปบนความพอดี พร้อมขนาดไหน ก็ไปขนาดนั้น”
เธอบอกเกมรุกในยุคของผู้นำหญิงที่ชื่อ “ซ๊อติ๊ก” อารีรัตน์ ศรีประทาย ภรรยาของ ธงชัย ลาภจตุรพิธ หนึ่งในสามพี่น้องแห่งสตาเลียน เฮียย้ง-เกรียงไกร,เฮียไช้-ธงชัย ลาภจตุรพิธและ เฮียเจริญ ลาภล้นเหลือหลาย ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจมินิไบค์สายพันธุ์ไทยให้แจ้งเกิดอย่างวันนี้
เป้าหมายที่ท้าทายไปกว่าการโตแบบเท่าตัวในปีม้า กับรายได้ที่หลักร้อยล้านบาทในปัจจุบัน คือ การนำพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในอีก 3 ปี ข้างหน้า ในฐานะมอเตอร์ไซค์แบรนด์ไทยที่ขอมีคำห้อยท้ายว่า “มหาชน”
“ตั้งแต่นี้ไป เราต้องกำไรทุกปี..งานใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว”
เธอบอกความท้าทาย ในฐานะซีอีโอตัวเล็ก แต่ใจแกร่ง ที่ใช้วิสัยทัศน์แห่งผู้นำ วางเกมธุรกิจ คิดให้ถูก และทำให้ถูก ตั้งแต้ต้น เชื่อในทีมเวิร์ค พร้อมพิสูจน์ตัวเองด้วย “ผลงาน”
เมื่อ ‘ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน’ ซีอีโอของม้าศึกสตาเลียน ก็พร้อมพิสูจน์ตัวเองนับจากนี้
......................
Key to success
ผงาดแบบม้าหนุ่มสตาเลียน
๐ สู้ด้วยอาวุธ Thai brand motorcycle
๐ คุณภาพดี มีเอกลักษณ์น่าใช้ บริการหลังการขายดี
๐ สร้างทีม และหาพันธมิตร ต่อยอดโอกาสธุรกิจ
๐ ชาญฉลาดในการหารถที่เป็นช่องว่างในตลาด
๐ ไม่ใช่แค่พึงพอใจ แต่ต้องสร้างความภูมิใจให้เกิด
๐ เชื่อในสัญญาณจากข้างใน โอกาสมา ฟ้าเปิด ทุกอย่างจะมาเอง
๐ ผู้นำต้องคิดให้ถูก ทำให้ถูก และไม่เก่งคนเดียว