'ทาทา สตีล'คาดปีนี้พลิกมีกำไร
"ทาทา สตีล" คาดปีนี้พลิกมีกำไร เหตุโครงการรัฐหนุนความต้องการเหล็กเพิ่ม ส่วนยอดขายคาดอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน
นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ TSTH คาดว่างวดปี 57/58(เม.ย.57-มี.ค.58)บริษัทฯ จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ จาก 6 เดือนขาดทุนอยู่ 68.68 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 4จะเป็นช่วงไฮซีซั่นซึ่งจะมีความต้องการใช้เหล็กเนื่องจากหมดฤดูฝน และราคาเศษเหล็กคาดว่าจะลดลงซึ่งส่วนต่างราคาก็จะดีขึ้น
นอกจากนี้ หากประเทศจีนมีการปรับขึ้นภาษีการส่งออกจะส่งผลทำให้การส่งออกมีแนวโน้มลดลง และส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทฯได้ผลักดันสินค้าที่มีคุณภาพสูงและสินค้าเพิ่มมูลค่า เช่น เหล็ก SD 50 เหล็กเส้นขึ้นรูป และเหล็กต้านแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้จากสินค้าชนิดดังกล่าวจะขยับให้ถึง 50% ภายใน 6เดือนนับจากนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 25-30%
โดยคาดยอดขายปี 57/58 (เม.ย.57-มี.ค.58)อยู่ที่ 1.1 ล้านตัน ซึ่งต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1.29 ล้านตัน โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายแล้วกว่า 5.74 แสนตัน เป็นผลจากตลาดการบริโภคในประเทศลดลง ประกอบกับผู้ประกอบการในไทยมีการนำเข้าเหล็กเส้นจากจีนจึงส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม คาดว่าความต้องการเหล็กจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากหมดฤดูฝน ประกอบกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลน่าจะมีเข้ามาในช่วงไตรมาส 4
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯ ได้ยื่นหนังสือเจรจาการนำเข้าเหล็กเส้นจากประเทศจีน โดยยื่นเรื่องต่อสำนักนายกรัฐมนตรี ล่าสุดนายกฯได้มีการรับเรื่องและส่งต่อกระทรวงพาณิชย์และสภาอุตสาหกรรม ซึ่งมีนโยบายในการที่ยังไม่ออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการในไทยที่ขอนำเข้าเหล็กเส้นจากจีน ซึ่งมองว่าจากตรงนี้ทำให้ผู้ประกอบการในไทยได้รับความสบายใจมากขึ้น
"คาดว่าปีนี้ยอดขายจะอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่ 1.29 ล้านตัน โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายแล้วกว่า 5.74 แสนตัน ได้รับผลกระทบหลักๆมาจากการนำเข้าเหล็กจากประเทศจีน ประกอบกับนโยบายของภาครัฐที่ยังไม่ออกมา ทำให้ยอดขายต่ำกว่าปีก่อน นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯไปยื่นเรื่องต่อสำนักนายกรัฐมนตรีล่าสุดได้รับการช่วยเหลือจากนายกฯ โดยได้ส่งต่อเรื่องไปยังกระทรวงพาณิชย์และสภาอุตสาหกรรม โดยยังไม่มีการออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการในไทยนำเข้าเหล็กจากจีน" นายราจีฟ กล่าว
ส่วนอุตสาหกรรมเหล็กปีหน้าจะโต 5-7% บนสมมติฐานจีดีพีประเทศโต 4% ซึ่งหลักๆมาจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ทางรัฐบาลจะมีการประมูล ซึ่งบริษัทฯมีกำลังการผลิตที่จะรองรับความต้องการการใช้เหล็กในโครงการ และพร้อมผลักดันสินค้าที่มีคุณภาพสูงให้กับผู้รับเหมารายใหญ่และรายย่อย เพื่อช่วยประหยัดต้นทุนให้มากขึ้น