ทีอาร์ซีจ่อถือเหมืองโปรแตซ 47%

ทีอาร์ซีจ่อถือเหมืองโปรแตซ 47%

"ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น" เล็งถือหุ้นเหมืองแร่โปรแตซอาเซียนเพิ่ม เผยมีสิทธิ์ในการเข้าถือหุ้น 47% หลังร่วมพัฒนามากว่า 3 ปี

นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น หรือ TRC ผู้ให้บริการก่อสร้างและวิศวกรรมในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซเปิดเผยว่า หลังจากเข้าลงทุนในบริษัท เหมืองแร่โปรแตซ อาเซียน จำกัด (มหาชน) หรือ APMC ในสัดส่วน 4.40% คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 100 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2558 ที่ผ่านมา บริษัทมีแผนที่จะเข้าถือหุ้นเพิ่ม โดยบริษัทในฐานะผู้ร่วมพัฒนา มีสิทธิ์ที่จะเข้าถือหุ้นเต็มเพดานในสัดส่วน 47% อย่างไรก็ตาม บริษัทจะตัดสินใจลงทุนจากมูลค่าการลงทุน และจำนวนเงินในการลงทุนที่เหมาะสม

ปัจจุบัน บริษัท เหมืองแร่โปแตซ (APMC) มีกลุ่มผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ถือหุ้นในสัดส่วน 20% หุ้นส่วนเก่า อาทิ ประเทศในกลุ่มอาเซียน 5 ประเทศ ถือหุ้นในสัดส่วน 10% และกลุ่มผู้ถือหุ้นเอกชน อาทิ กลุ่มซีพี อาซาฮี และผาแดง ถือหุ้นในสัดส่วน 3-5% อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สัดส่วนผู้ถือหุ้นจะต้องเปลี่ยนไป ซึ่งทางกระทรวงการคลังก็เห็นด้วยในหลักการแล้ว และน่าจะใช้กองทุนวายุภักษ์เข้าถือหุ้นในบริษัท

“บริษัท เหมืองแร่โปรแตซ มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการหาที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจะสรุปในสิ้นเดือนก.พ.นี้ ส่วนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ น่าจะได้ข้อสรุปใน 3 ปี”

ทั้งนี้ บริษัท เหมืองแร่โปรแตซ จะเริ่มมีรายได้จากการดำเนินงานในปี 2561 กำลังการผลิตเริ่มต้นอยู่ที่ 3 แสนตัน และในปี 2562 กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 8 แสนตัน ส่วนปี 2563 บริษัท เหมืองแร่โปรแตซ จะมีกำลังการ 1.1 ล้านตัน ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 10,000 ล้านบาท

นายสมัยกล่าวเพิ่มว่า ประมาณเดือนมี.ค. ปีนี้ ตนจะเข้าไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เหมืองแร่โปรแตซ หลังจากที่ได้เข้าร่วมพัฒนาโครงการในนามบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น มากว่า 3 ปี นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารระดับสูงในวงการปิโตรเคมี เข้ามาร่วมบริหารด้วย ส่วนงานบริหารในบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่นนั้น จะมีทีมบริหารรุ่นใหม่เข้าร่วมบริหารงาน

เขากล่าวเพิ่มอีกว่า แผนธุรกิจของบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น ในปี 2558 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 20% จากปี 2557 ส่วนกำไรสุทธิเชื่อว่า จะเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ 7,500 ล้านบาท และเร็วๆ นี้จะมีการเซ็นสัญญาอีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะเข้าประมูลงานภาครัฐในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ ซึ่งจะดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศจีน ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ โดยบริษัทจะถือหุ้น 51% และพันธมิตรจีนถือหุ้น 49%

ขณะเดียวกัน บริษัทมีโอกาสได้รับงานด้านก่อสร้างโครงการของบริษัท เหมืองแร่โปรแตซเช่นกัน โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่าการก่อสร้าง 35,000 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทประมูลงานได้ ก็จะทยอยรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างนี้ ประมาณ 3 ปี

“ถ้าไม่นับโครงการเหมืองแร่โปรแตซ ในสิ้นปี 2558 บริษัทจะพยายามหาแบ็คล็อกเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท งานที่จะเข้าประมูล คือ งานก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน งานรถไฟทางคู่ งานออยล์แอนด์แก๊ส ซึ่งบริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว”

นอกจากนี้ บริษัทวางเป้าหมายในระยะ 5 ปี หรือภายในปี 2562 จะรายได้รวม 10,000 ล้านบาท โดยแหล่งรายได้จะมาจากธุรกิจหลัก 4 ประเภท คือ งานท่อออยล์ แอนด์ แก๊ส, งานเทิร์นคีย์ โพรเซสซิ่ง ซึ่งเป็นรับเหมาวิศวกรรมครบวงจรเพื่อก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ กลุ่มลูกค้าหลักคือ ภาคเอกชนในประเทศ ซึ่งปัจจุบันใช้บริการของบริษัทจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น, งานก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งนอกเหนือจากงานรถไฟทางคู่แล้ว บริษัทยังมองไปถึงโอกาสงานวิศวกรรมน้ำ เพราะประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการลำเลียงน้ำสู่ภาคเกษตรกรรม และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่บริษัทเป็นผู้รับเหมาวิศวกรรม เบื้องต้นวางเป้าหมายการลงทุนใน 10 โครงการภายใน 5 ปี โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทมีการลงทุนไปแล้ว 1 โครงการ ถือหุ้น 10%