‘ศรีไทย’ หวั่นกำไรต่ำสุดรอบ 4 ปี

ศรีไทยซุปเปอร์แวร์รับผลประกอบการปีนี้ "ต่ำสุดรอบ3-4 ปี" หลังเศรษฐกิชะลอตัว ดึงราคาเม็ดพลาสติกผันผวน เลื่อนแผนดันบริษัทลูกเข้าตลาดเป็นปี61
นายปริญช์ ผลนิวาศ รองกรรมการผู้จัดการด้านการเงินและบริหาร บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) SITHAI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปีนี้มีแนวโน้มที่จะทำระดับต่ำสุดในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 445.01 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรสุทธิหดตัวเหลือ 4% จาก 4.4% ในปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นเหลือ 18% จาก 18.92%
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทำกำไรสุทธิได้ 128.57 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 17.26% เนื่องจากยอดขายแทบจะไม่เติบโต ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค อีกทั้งยังมีการตัดค่าเสื่อมและการลงทุนใหม่ ๆ ทำให้ภาพรวมของกำไรชะลอลงไปด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคาดว่าทั้งปีนี้ยอดขายจะทำได้ระดับ 9.8 พันล้านบาท เติบโต 0.6-0.7% จาก 9.73 พันล้านบาทในปีก่อน หลังได้รับผลจากสถานการณ์ราคาเม็ดพลาสติดที่มีความผันผวนทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ชะลอคำสั่งซื้อ ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ชะลอตัวอยู่ ทำให้กำลังซื้อและการบริโภคปรับตัวลดลง ส่วนประเทศเวียดนามก็เผชิญกับปัญหาภัยแล้ง ทำให้มีปัญหาเรื่องของพืชผลทางการเกษตร ส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอไปด้วย
สำหรับยอดขายปี 2560 บริษัทตั้งเป้าจะเติบโตจากปีนี้ราว 5% โดยจะเสนอแผนต่อคณะกรรมการบริษัทช่วงเดือนธ.ค. คาดว่ายอดขายนั้นจะเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงงานที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม หลังจากเดินเครื่องไปเมื่อเดือนม.ค.59 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ารายได้จากโรงงานที่ฮานอยจะอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท รวมถึงยังจะรับรู้รายได้จากประเทศอินเดีย เบื้องต้นคาดอยู่ที่ 100-200 ล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 17-18% ที่เหลือเป็นในประเทศ ส่วนปี 2560 สัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 18-19% โดยบริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 20% ภายในปี 2562 นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในเมียนมาเพิ่มเติม คาดได้ข้อสรุปปี 2561 โดยรูปแบบธุรกิจเบื้องต้นจะทำในลักษณะเดียวกับเวียดนาม ซึ่งจะเป็นการทำธุรกิจเม็ดพลาสติก
สำหรับงบลงทุนปีนี้่บริษัทตั้งไว้ 1,200 ล้านบาท ล่าสุดใช้ไปแล้ว 800-900 ล้านบาท เป็นการซื้อเครื่องจักรและที่ดินในเวียดนาม และซื้อเครื่องจักรที่อินโดนีเซีย และปีหน้าบริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนซื้อเครื่องจักร โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดของกู้ยืมจากธนาคาร โดยปัจจุบัน D/E ของกลุ่มอยู่ที่ 1.3 เท่า
ส่วนความคืบหน้าล่าสุดการนำบริษัท ศรีไทย (เวียดนาม) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดจะได้ข้อสรุปและสามารถระดมทุนได้ในปี 61 จากเดิมคาดไว้ ไตรมาส 2/60 เนื่องจากต้องรอดูภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดหุ้นให้ดีกว่าในปัจจุบัน โดยมีที่ปรึกษา (FA) คือ บล.เอเซียพลัส