‘ไทยเที่ยวไทย’รายได้ต่ำเป้า ชี้สัญญาณเตือนปรับตัวปี61
แม้ว่าท่องเที่ยวไทยในปีที่ผ่านมา ยังมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก แต่จากการแถลงสถานการณ์ตลอดปี 2560 กลับพบสัญญาณที่ระบุถึงรายได้ตลาดไทยเที่ยว “ต่ำกว่าเป้าหมาย” ที่คาดการณ์ไว้
พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา ทำรายได้รวมกว่า 2.75 ล้านล้านบาท โดยมีต่างชาติสูงสุดกว่า 35.38 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท เป็นไปตามทิศทางเดียวกับที่เคยประเมินไว้ช่วงปลายปี และสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ยอมรับว่าในด้านตลาดในประเทศที่ทำรายได้รวมราว 9.3 แสนล้านบาทนั้น ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ราว 9.5 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวราว 152 ล้านคนครั้ง แม้ว่าในเชิงจำนวนนั้นเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้พอดี
จากการรายงานผลดังกล่าว จึงเป็นความท้าทายต่อเนื่องในปี 2561 ในการสามารถสร้างรายได้ในประเทศเพิ่มอีกกว่า 7 แสนล้านบาท เพื่อไต่ระดับไปให้ถึง 1 ล้านล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ท่ามกลางความกังวลว่า ด้วยสัดส่วนรายได้ในประเทศที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายนั้น จะทำให้ไทยยังมี “ความเสี่ยง” ในการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะเอเชียที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์สูงเกินไป
โดยเฉพาะเรื่องการรองรับที่เป็นต้นตอของปัญหาการกระจุกตัว ซึ่งในปี 2561 ภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยอมรับว่าจะต้องเข้าไปเน้นเรื่องปรับปรุงคุณภาพอุปทานด้านการท่องเที่ยว อาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการซ่อม สร้าง และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้พร้อมรับกระแสการเดินทางเข้ามาครั้งใหม่ จากการตั้งเป้าหมายสูงถึง 3 ล้านล้านบาท ที่แบ่งเป็นตลาดต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท
เร่งกระจายท่องเที่ยวชุมชน
อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า รายได้ของตลาดในประเทศที่ออกมาต่ำกว่าเป้าหมาย ทำให้ต้องยอมรับว่าเป็นผลสะท้อนในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่ทำให้คนไม่มั่นใจต่อการจับจ่าย อีกทั้งปัจจุบันธุรกิจนำเที่ยวในประเทศเองอาจจะไม่ได้มีส่วนกระตุ้นตลาดได้แล้ว เพราะนักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดหันไปเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ ความพยายามของรัฐที่จะกระตุ้นตลาดที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ดี เช่น การให้นำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวในเมืองรองไปหักลดหย่อนภาษีได้ ทั้งกลุ่มบริษัทห้างร้านและนักท่องเที่ยวทั่วไป เป็นโอกาสให้แก้ไขปัญหาการกระจุกตัว และส่งเสริมให้คนออกมาใช้จ่าย ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า การสร้างแนวคิดดังกล่าวให้เข้มแข็ง ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี และระหว่างนี้ยังมีชุมชนเพียงไม่กี่แห่งที่มีความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวจริง โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีการพัฒนามาก่อนหน้าที่นโยบายจะเกิดมานานแล้ว
“สิ่งที่เป็นความท้าทายคือ ถ้าต้องการเพิ่มรายได้การท่องเที่ยว และใช้แนวคิดการกระจายสู่ชุมชนให้ทั่วถึง ต้องเร่งสร้างความเข้าใจและความพร้อมในพื้นที่ ไม่ใช่กระตุ้นแต่ด้านตลาดอย่างเดียว เพราะคนที่เดินทางเข้าไปย่อมจะมีความคาดหวังในมาตรฐาน แต่ปัจจุบันหลายชุมชนยังมีมาตรฐาน หรือศักยภาพในการรองรับไม่เท่ากัน ทำให้นโยบายเหล่านี้ยังต้องใช้เวลากว่าจะเห็นเป็นรูปธรรม”
ดันตลาดจีนเที่ยวเมืองรอง
เช่นเดียวกับ ชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ อุปนายกและเลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่าแม้ว่าปีนี้ ตลาดจีนมีแนวโน้มเดินทางเข้ามาไทยเพิ่ม โดยขั้นต่ำที่ได้แน่นอนกว่า 10 ล้านคน และอาจเพิ่มสูงสุดเป็น 11 ล้านคนนั้น ยังมีความท้าทายที่รออยู่คือ การกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่หรือเมืองรองตามที่รัฐบาลต้องการ ผลปรากฏจากการปฏิบัติจริงพบว่า แหล่งท่องเที่ยวเมืองรองยังไม่มีความพร้อมพื้นฐานรองรับกรุ๊ปทัวร์จีน เช่น ขาดโรงแรม, มัคคุเทศก์ประจำท้องถิ่น
ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการทัวร์จีนได้พยายามเริ่มต้นไปแล้วใน 2 เส้นทางคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มจากการนำนักท่องเที่ยวมาที่กรุงเทพฯ และไปยังนครราชสีมา ผ่านทางสายการบินที่เปิดใหม่ และพยายามชูจุดขายเส้นทางอีสานตอนล่าง เช่น อุบลราชธานี ส่วนเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากโยงเส้นทางต่อเนื่องมาถึงภาคอีสานตอนบนมากขึ้น ขณะที่เส้นทางภาคใต้ จากการขยายเส้นทางบินตรงจากจีน เช่น คุนหมิง – หาดใหญ่ ก็ทำให้เริ่มกระจายตัวไปสู่จังหวัดชายทะเลใหม่ๆ เช่น สตูล และกระบี่ มากขึ้นแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มากเท่ากับภูเก็ต
นอกจากนั้นเทรนด์ที่ต้องจับตาคือ กลุ่มอินเซนทีฟ ที่มีขนาดใหญ่ระดับหมื่นคนนั้น แม้ว่าจะมีอยู่ แต่ก็อาจจะไม่มาก โดยจะกระจายตัวเป็นขนาดหลักร้อยมากกว่า เพราะทุกประเทศต่างแข่งขันชิงตลาด และทำให้ความเป็นไปได้จับตัวอยู่ที่กลุ่มย่อยมากกว่ารายย่อย เช่น กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางหรือเล็กที่มีจำนวนพนักงานขององค์กรไม่มาก
เร่งกระตุ้นรายได้จังหวัดรอง
จากข้อมูลของการท่องเที่ยวระบุว่า ตลาดจีนเดินทางมาไทยในปีที่ผ่านมา ยังคงทำผลงานได้ “ทะลุเป้า” ในเชิงรายได้คือ 5.24 แสนล้านบาท เติบโตกว่า 15.78% จากปี 2559 และดีกว่าที่เคยคาดการณ์ระหว่างปีไว้ที่ 5.07 แสนล้านบาท หรือเติบโตราว 12.42%
ดังนั้น ประเด็นของตลาดจีนและตลาดต่างประเทศ ที่คาดว่าจะครองส่วนแบ่งราว 2 ใน 3 ของรายได้ท่องเที่ยวไทยทั้งหมดในปี 2561 นั้น จึงยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทายเช่นกันว่า ไทยจะปรับตัวอย่างไรเพื่อกระจายเม็ดเงินมหาศาลนั้น ไปสู่เศรษฐกิจระดับฐานรากให้เห็นผลจริง
ด้าน ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หากรายได้ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจเป็นดัชนีชี้ให้เห็นว่าการที่รัฐบาลกระตุ้นให้เมืองรองเข้ามามีส่วนรองรับการท่องเที่ยวนั้น มีความจำเป็นต้องผลักดันเร่งด่วน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ มาดึงดูดใจตลาด เพราะเมืองหลักที่มีอยู่ค่อนข้างเต็มศักยภาพแล้ว และขยายการรองรับได้ลำบาก