'บีโอไอ' อนุมัติ 'นิสสัน-ฮอนด้า' ลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า 1.67 หมื่นล้าน
"บีโอไอ" อนุมัติ "นิสสัน-ฮอนด้า" ลงทุนกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม 1.67 หมื่นล้าน หนุนศักยภาพการตลาดรถยนต์ในประเทศ
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.61 นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่า 29,631 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันการใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 19,480.8 ล้านบาทต่อปี ประกอบด้วย
1.บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เงินลงทุน 3,600 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตของบริษัทที่มีโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลกมากกว่า 80 แห่ง โดยการลงทุนครั้งนี้จะมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผู้ผลิตวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนภายในประเทศไทย รวมถึงมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ มีการใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่า 794 ล้านบาท
2.บริษัท นิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (HEV) และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุน 10,960 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 15,920 ล้านบาทต่อปี เป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมรุ่น e-Power ซึ่งเดิมมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวที่ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเทคโนโลยีหลักในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์จากระบบเครื่องยนต์ในปัจจุบันไปสู่ระบบไฟฟ้า
3.บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (HEV) และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุนทั้งสิ้น 5,821 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา และจ.ปราจีนบุรี โดยบริษัทมีแผนใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เช่น ล้อรถยนต์ ชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ กันชนหน้า หลัง ชุดสายไฟ เป็นต้น มูลค่าประมาณ 2,766.8 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนในการผลิตชิ้นส่วนอื่นภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนการนำเข้าในอนาคตอีกด้วย
4.บริษัท ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด ขยายกิจการขนส่งทางอากาศ เงินลงทุน 9,250 ล้านบาท โดยจะเช่าเครื่องบินแบบ Airbus A330 รวมจำนวน 6 ลำ ความจุผู้โดยสารลำละ 377 ที่นั่ง เพื่อให้บริการครอบคลุมทั้งการขนส่งผู้โดยสาร ทั้งแบบประจำเส้นทางและแบบเช่าเหมาลำ ทั้งนี้บริษัทจะขยายเส้นทางใหม่ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และออสเตรเลีย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน และส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย