ฝรั่งเศสชงดันต่อ 'อีอีซี' หลังเลือกตั้ง ลงทุนไทยเพิ่มขึ้น

นางสาวพุทธชาติ ชัยวัฒนาสราญสุข ที่ปรึกษาด้านการลงทุนไปประเทศฝรั่งเศส ประจำภูมิภาคอาเซียน สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมหารือสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย ถึงแนวโน้มการลงทุนในประเทศฝรั่งเศส ว่า ภายหลังการเลือกตั้งของไทย คาดว่าจะมีนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน เพราะนักลงทุนฝรั่งเศสต้องการความมั่นใจทางการเมืองสูง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็เป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน

ทั้งนี้ จากการเดินทางมาเยือนไทยของคณะนักธุรกิจฝรั่งเศสที่ผ่านมา จะเห็นการเจรจาระหว่างบริษัทฝรั่งเศสกับไทย ซึ่งจะเห็นผลเป็นการร่วมลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนักลงทุนฝรั่งเศสคาดหวังให้รัฐบาลใหม่สานต่ออีอีซีต่อไป โดยที่ผ่านมานักธุรกิจฝรั่งเศสชอบที่จะลงทุนในไทยมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน เนื่องจากไทยกับฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์กันมานานกว่า 300 ปี มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีมีความสะดวกสบายทุกด้าน และยังเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอาเซียน เพื่อเป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาคนี้

สนต่อยอดอุตฯชั้นสูงในไทย

โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และการส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ชาวฝรั่งเศสให้ความสนใจที่จะมาลงทุน เพราะต้องการต่อยอดการผลิตสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงในไทย เพื่อป้อนให้กับตลาดอาเซียนที่มีศักยภาพการบริโภคสูง เนื่องจากตลาดยุโรปถึงจุดอิ่มตัวแล้วขยายต่อไปได้ยาก และขณะนี้ตลาดอาเซียนมีความน่าสนใจที่สุดในโลก จึงตั้งใจมาร่วมลงทุนตั้งฐานการผลิต หรือตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย

“นักลงทุนฝรั่งเศสมองว่าคนไทยกับคนฝรั่งเศสนิสัยใกล้เคียงกัน การลงทุนร่วมกับนักธุรกิจไทยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความไม่ซื่อตรง และที่ผ่านมาชาวฝรั่งเศสที่ปลดเกษียณมาพักอาศัยระยะยาวในไทยมาก ถือว่าเยอะที่สุดในโลก แสดงให้เห็นว่าชาวฝรั่งเศสคุ้นเคยและอยากมาในไทย”

ดึงไทยลงทุนสตาร์ทอัพฝรั่งเศส

นอกจากนี้ ฝรั่งเศส ยังสนใจที่จะดึงดูดผู้ประกอบการชาวไทยไปลงทุนในประเทศฝรั่งเศสด้วย โดยที่ผ่านมาฝรั่งเศสปรับปรุงกฎหมายให้ต่างชาติให้เข้าไปลงทุนได้ง่ายขึ้น เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายภาษี ซึ่งทำให้ต้นทุนธุรกิจลดลง โดยธุรกิจที่ไทยน่าเข้าไปลงทุน เช่น โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ สตาร์ทอัพ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการไทยได้ทั้งเทคโนโลยีและแบรนด์สินค้า รวมทั้งต่อยอดตลาดฝรั่งเศส สหภาพยุโรป (อียู) และแอฟริกาได้ง่าย

“เศรษฐกิจในยุโรปถดถอย ทำให้หลายกิจการต้องการผู้ร่วมลงทุน เพราะต้องการเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งหลายอุตสาหกรรมมีศักยภาพทั้งเทคโนโลยีระดับสูง หรือมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนไทยได้เทคโนโลยีใหม่และช่องทางการตลาด รวมทั้งใช้ฝรั่งเศสเป็นประตูการค้าสู่อียูและแอฟริกา เพราะฝรั่งเศสมีข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศในแอฟริกากว่า 90% และผู้บริโภคแอฟริกามั่นใจสินค้าฝรั่งเศส”

นางสาวพุทธชาติ กล่าวว่า สตาร์ทอัพ ฝรั่งเศสเข้มแข็งมาก ทั้งประเทศมีสตาร์ทอัพหลายแสนราย โดยเฉพาะสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ เนื่องจากฝรั่งเศสเป็นสังคมผู้สูงอายุ มีจำนวนผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก จึงมีสตาร์ทอัพคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยเหลือเยอะ

“การลงทุนในฝรั่งเศสไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงมาก แค่มีเงินทุน 1 แสนยูโร ก็ลงทุนในสตาร์ทอัพได้ ซึ่งการไปลงทุนมีหลายวิธี ทั้งการนำเงินเข้าไปร่วมทุนเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ การเข้าไปซื้อหุ้น หรือการเข้าไปซื้อกิจการทั้งหมด ซึ่งกฎหมายฝรั่งเศสให้ต่างชาติเข้าไปถือหุ้น เข้าไปซื้ออาคาร หรือที่ดินได้ 100% ซึ่งฝรั่งเศสให้เข้าไปลงทุนได้ทุกธุรกิจยกเว้นเรื่องอาวุธ”

หวังไทยลงทุนฝรั่งเศสมากขึ้น

นางสาวพุทธชาด กล่าวว่า ในปัจจุบันภูมิภาคอาเซียนถ้าคิดเป็นจำนวนเงินลงทุนแล้ว ประเทศสิงคโปร์จะเข้าไปลงทุนในฝรั่งเศสเป็นอันดับ 1 แต่ถ้าเป็นจำนวนนักลงทุนไทยเป็นอันดับ 1 แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มากประมาณ 20 กว่าราย เช่น อินโดรามา เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติก ดับเบิลเอ เข้าไปลงทุนอุตสาหกรรมกระดาษ พีทีทีจีซี เข้าไปลงทุนปิโตรเคมี ซี แวลู่ และไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น เข้าไปผลิตอาหารทะเล เป็นต้น โดยที่ผ่านมาลูกจ้างฝรั่งเศสในบริษัทคนไทยต่างรู้สึกดีกว่านายจ้างชาวเอเชียชาติอื่น เพราะตั้งใจเข้ามาฟื้นฟูพัฒนาธุรกิจจริงจัง และเป็นกันเองกับลูกน้อง ทำให้ทำงานด้วยกันอย่างสบายใน

สำหรับเป้าหมายในปีนี้ ตั้งเป้าจะดึงนักธุรกิจอาเซียนเข้าไปลงทุนในฝรั่งเศสไม่ต่ำกว่า 10 ราย ในจำนวนนี้เป็นเป้าหมายดึงดูดนักลงทุนไทยประมาณ 5 ราย โดยปีก่อนหน้านี้ดึงนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนได้ 3 ราย ซึ่งนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในฝรั่งเศสอันดับ 1 ได้แก่ อังกฤษ รองลงมาเป็นเยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ โดยบริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในฝรั่งเศสมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกถึง 30% จากมูลค่าการส่งออกทั้งหมด

บีโอไอหนุนลงทุนสมาร์ทซิตี้

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาฝรั่งเศสเข้ามาลงทุนในไทยประมาณ 8 พันล้านบาท เป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรป รองจากเยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน อุปกรณ์การแพทย์ และหลังจากนี้กลุ่มธุรกิจอากาศยาน เช่นศูนย์ซ่อมบำรุง ชิ้นส่วนเครื่องบิน และระบบรางจะมีเข้ามาลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังสนใจที่จะเข้ามาลงทุนด้านสมาร์ทซิตี้ สมาร์ทเอนเนอร์ยี่ และอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ รวมทั้งการดึงให้เข้ามาตั้งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศในไทย คาดว่าหลังจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย จะทำให้นักลงทุนฝรั่งเศสเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น

“ในขณะนี้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่นักธุรกิจชาติตะวันตกสนใจเข้ามาลงทุนมาก และมองไทยว่าเป็นประตูสู่อาเซียนรวมทั้งในปีนี้ไทยเป็นประธานอาเซียน ทำให้บทบาทไทยในภูมิภาคนี้สูงขึ้นและไทยยังมีจุดเด่นการลงทุนใน อีอีซี ซึ่งจะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมไฮเทคของฝรั่งเศสได้”