ครม.ไฟเขียวขยายระยะเวลาให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี
ครม.ไฟเขียวขยายฐานช่วยเหลือเด็กในครอบครัวผู้มีรายได้น้อยที่พ่อ-แม่ รายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี โดยให้เงินอุดหนุนแรกเกิด 6 ปี เดือนละ 600 บาท
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.62 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) เห็นชอบขยายฐานรายได้ของกลุ่มเป้าหมายการรับเงินเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตามที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยสาระสำคัญคือการขยายกลุ่มเป้าหมายของเด็กที่จะได้รับเงินเลี้ยงดูในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย จากเดิมแรกเกิดถึง 3 ปีจะได้รับเงินเลี้ยงในปัจจุบันอยู่ 600 บาทต่อคนต่อเดือน โดยระดับรายได้ของบิดามารดาต้องไม่เกิน 36,000 บาทต่อคนต่อปี เป็นขยายกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี ฐานรายได้ของบิดามารดาขยายเป็น 100,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับฐานรายได้ของผู้มีรายได้น้อยตามคำจำกัดความของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
“การที่ ครม.ขยายฐานของเด็กที่ได้รับเงินเลี้ยงดู เนื่องจากมีงานวิจัยจำนวนมากรองรับ ว่าเด็กที่อยู่ในช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 ปี เป็นช่วงวัยสำคัญที่สุดของการเจริญเติบโตทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญาต้องได้รับการพัฒนาทางสมอง การมีเงินสนับสนุนจะสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกับประเทศ โดยเมื่อประเมินผลประโยชน์ทางเศรษฐศาสตร์ แล้วพบว่าการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ในช่วงเด็กเล็กจะได้รับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูง เมื่อเปรีบเทียมกับช่วงวัยอื่นๆ โดยได้รับผลตอบแทนคืนประมาณ 4-5 เท่า และในบางกรณีอาจได้ผลตอบแทนถึง 17 เท่า ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ทักษะที่สูงขึ้น ผลการเรียนที่ดีขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น การเจ็บป่วยที่ลดลง อาชญากรรมที่ลดลง” นายณัฐพร กล่าว
หลังจากเห็นชอบให้ขยายฐานอายุของเด็กในครัวเรือนมีรายได้น้อยครั้งนี้แล้วจะทำให้มีเด็กที่ได้รับเงินเลี้ยงดู 1.4 ล้านคน ใช้งบประมาณดำเนินการ 10,393 ล้านคน ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมฯ มีงบประมาณบางส่วนแล้วแต่เนื่องจากมีกลุ่มที่ได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นจึงขอรับงบประมาณสนับสนุนเพิ่มขึ้นและ ครม.ครั้งนี้อนุมัติกลางปี 2562 สนับสนุน จำนวน 6,873 ล้านบาท ส่วนปีต่อๆ ให้ขอจัดสรรงบประมาณประจำปีต่อไป