ห่วงเสถียรภาพไฟฟ้า ป้อนอุตสหกรรม-สมาร์ทซิตี้
สกพอ.จี้พลังงาน เตรียมแผนผลิตไฟฟ้าป้อนภาคตะวันออก เน้นเสถียรภาพสูง ป้อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ เมืองอัจฉริยะ
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ระบุว่า สกพอ.ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 29 เม.ย.2562 แสดงความเห็นประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย 2561-2580 (PDP 2018) ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย สกพอ.เห็นว่าแผนดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นด้านกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในแผนดังกล่าวจะมีการผลิตไฟฟ้าที่เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต แต่กระทรวงพลังงานควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการจัดการด้านคุณภาพ และเสถียรภาพของไฟฟ้าที่สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าด้วย เนื่องจากในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและเสถียรภาพสูง ตลอดจนควรส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด เพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกด้วย
สำหรับ แผน PDP 2018 ที่ ครม.เห็นชอบเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้สรุปความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคตะวันออกปี 2561 เท่ากับ 4,880 เมกะวัตต์ และคาดว่าในปี 2580 จะอยู่ที่ 10,033 เมกะวัตต์เติบโตเฉลี่ย 3.5% ขณะที่กำลังผลิตในปี 2561 เท่ากับ 10,156 เมกะวัตต์
ส่วนปี 2580 จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 14,707 เมกะวัตต์ ตามแผน PDP จะมีโรงไฟฟ้าหลัก ได้แก่ โรงไฟฟ้าโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่, โรงไฟฟ้าบางปะกง, โรงไฟฟ้าโกลว์, ไอพีพี โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เพาเวอร์ และโรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน จะเริ่มทยอยปลดออกจากระบบปี 2568-2580 กำลังผลิตรวม 5,282 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศจำเป็นต้องจัดสรรให้มีโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงในภาคตะวันออก โดยได้กำหนดให้มีโรงไฟฟ้าใหม่ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าสุทธิ 1,700 เมกะวัตต์