การเงิน
XO - ถือ
2Q62 มีแนวโน้มหดตัว YoY และ QoQ หลังจาก Distributor รายใหญ่ชะลอคำสั่งซื้อ
ประเด็นสำคัญในการลงทุน :
- รายงานกำไร 1Q62 เท่ากับ 67.6 ลบ.+47%YoY: งวด 1Q62 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 268 ลบ. +12.7%YoY จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้ม (Dipping Sauce) ขณะที่ %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 40.2% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 35.7% จากการลดลงของราคากระเทียมและน้ำตาลทราย ประกอบกับการปรับขึ้นราคาขายตั้งแต่ช่วง 3Q61 ส่งผลให้ %NPM เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 22.3% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 17.1% และงวด 1Q62 มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 6 ลบ. +47%YoY
- แนวโน้ม 2Q62 จะหดตัว YoY และ QoQ: แนวโน้มรายได้และกำไรในช่วง 2Q62 จะอ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ โดยถูกกดดันจาก Distributor รายใหญ่ใน UK ที่จัดส่งสินค้าให้กับกลุ่ม Tesco (คิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขายรวม) ชะลอคำสั่งซื้อลง เนื่องจากความเป็นไปได้ที่ว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวสั่งซื้อสินค้าไปสต็อกในช่วงก่อนหน้านี้ หรือพยากรณ์ยอดขายผิดพลาดทำให้สั่งซื้อสินค้าไปมากกว่าความจำเป็น ทั้งนี้ คำสั่งซื้อสินค้าที่ชะลอตัวยังส่งผลกระทบต่อ Product Mix ทำให้สัดส่วนสินค้ากลุ่ม Dipping Sauce (ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มี %GPM สูงสุด) ลดลง และจะกดดันต่อ %GPM ในลำดับถัดมา นอกจากนี้ช่วง 2Q62 ยังมีผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการตลาดในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ (THAIFEX) ซึ่งบริษัทได้จัดงานฉลองครบรอบ 20 ปีไปด้วย จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปีก่อนๆ อยู่ที่ราว 15 ลบ. ซึ่งจะแบ่งรับรู้ใน 2Q62 ราว 10 ลบ. และช่วง 2H62 อีกราว 5 ลบ.
- ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 62 ลงสู่ 219 ลบ.(ลดลงจากเดิม 11%) หดตัว 1.3%YoY: แนวโน้มรายได้ทั้งปีอาจไม่เป็นไปตามเป้าที่โต 10-15% ภายหลังที่ Distributor รายดังกล่าวชะลอคำสั่งซื้อ ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานด้วยการคาดการณ์ว่าลูกค้าจะกลับมาสั่งซื้อสินค้าอีกครั้งในช่วง 2H62 โดยเราปรับลดประมาณการรายได้ปี 62 ลงสู่ราว 1,125 ลบ. (ลดลง 10%) หดตัว 2%YoY ประกอบกับใช้สมมติฐาน %GPM ทั้งปี 62 ที่ราว 5% ลดลงจาก 1Q62 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 40.2% เนื่องจากผลกระทบของการปรับ Product Mix ของกลุ่มสินค้า Dipping Sauce ลดลง ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 62 ลงสู่ราว 219 ลบ. (ลดลงจากเดิม 11.4%) หดตัว 1.3%YoY อย่างไรก็ตาม ในกรณีเลวร้ายที่สุดหาก Distributor ไม่กลับมาสั่งซื้อสินค้า ถือเป็น Downside จากประมาณการปัจจุบันซึ่งคาดจะทำให้รายได้ลดลงจากปีที่แล้ว
- ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” และปรับราคาเหมาะสมลงสู่ 9.90 บาท(จากเดิม 13.90 บาท): ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PE อย่างอนุรักษ์นิยมที่ระดับ PE ราว 19 เท่า ณ ระดับ -1.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปี (ปรับลดจากเดิมที่ PE 24 เท่า) พร้อมกับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 0.52 บาทต่อหุ้น (ลดลงจากเดิมที่ 0.58 บาทต่อหุ้น) ส่งผลให้เราปรับราคาเหมาะสมลงสู่ราว 9.90 บาท (จากเดิม 13.90 บาท) และปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” เพื่อรอดูความชัดเจนเรื่องคำสั่งซื้อของ Distributor รายที่มีปัญหา ในช่วง 2H62 อีกครั้ง
ความเสี่ยง
- ราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้น
- โดนแย่งส่วนแบ่งการตลาด
3. ค่าเงินบาทแข็งค่า