สกพอ.มั่นใจเซ็นสัญญา 'ไฮสปีด-มาบตาพุด' 2.7 แสนล้าน ทันรัฐบาลนี้

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่าที่ประชุมที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานรับทราบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ – ดอนเมือง - อู่ตะเภา) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รวมทั้งรับทราบผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และอนุมัติผลการคัดเลือก ผลการเจรจา รวมทั้งกำหนดระยะเวลาให้กรรมการพิจารณาร่างสัญญาที่การนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.)จะลงนามร่วมกันภาคเอกชนที่ชนะการประมูลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้

“ทั้งสองโครงการจะสามารถลงนามในสัญญาระหว่างภาครัฐกับเอกชนได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ กล่าวว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ที่จะมีการลงนามในรัฐบาลนี้ถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอีอีซีและโครงการพื้นฐานสำคัญของประเทศโดยทั้งสองโครงการวงเงินลงทุนรวมกันกว่า 271,9000 ล้านบาท และโครงการท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 วงเงินลงทุน 47,900 ล้านบาท” นายคณิศกล่าว

โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม รฟท.จะนำรายงาน EIA ไปเสนอ ครม.เห็นชอบในวันที่ 2 ก.ค.นี้ โดยรฟท.ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการจะสรุปแผนส่งมอบพื้นที่กับเอกชนตามที่ได้มีการประชุมและกำหนดรายละเอียดในการส่งมอบพื้นที่เป็นรายเดือนซึ่งกำหนดทั้งในส่วนของแผนงานและงบประมาณในการส่งมอบพื้นที่และในการลงนามภายในเดือน ก.ค.นี้ โดยจะมีการจัดงานอย่างเป็นทางการและได้เรียนนายกรัฐมนตรีว่าขอให้ช่วยเป็นสักขีพยานหรือมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานเพราะในการลงนามในสัญญาจะมีบริษัทเอกชนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาร่วมงานหลายราย

“โครงการนี้ถือเป็นโครงการร่วมทุนรัฐและเอกชนในพื้นที่อีอีซีเป็นโครงการแรก ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้มีการส่งมอบพื้นที่ให้ได้ตามกำหนดและเดินหน้าโครงการให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2566” นายคณิศ กล่าว