สะสมหุ้นงบ 2Q19 เด่น

สะสมหุ้นงบ 2Q19 เด่น

ภาพรวมคาดว่าจะชะลอตัว YoY ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้

ลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ : SET Index ลดลง 8.86 จุด (-0.51%) ปิดที่ระดับ 1,732 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,717 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนกังวลข่าวแบงก์ชาติออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มหลัก เช่น Energ Petro และ Trans  อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แต่มูลค่าลดลงเหลือ 457 ล้านบาท ส่วนตลาดพันธบัตรเป็นฝั่งขายสุทธิ 912 ล้านบาท  รวมถึงเป็น Net Short TFEX จำนวน 8,433 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,725 - 1,740 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังคงได้แรงหนุนจากภาวะ Risk on หลังคาดกาณ์ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุม 30 – 31 ก.ค. อย่างไรก็ตามความกังวลธปท.ออกมาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าเร็วและจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มส่งออกซึ่งเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจะเป็นตัวถ่วงต่อภาพการลงทุนรวมถึงทิศทาง Fund flow ต่างชาติในระยะสั้น อีกทั้งสัปดาห์นี้กลุ่มธนาคารจะรายงานงบ 2Q19 โดยภาพรวมคาดว่าจะชะลอตัว YoY ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy เน้นหุ้นงบ 2Q19 ดีเป็นหลัก

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น (PTTEP, EA, BGRIM, GPSC, CKP ,CPF, GFPT, TFG, CPALL, MTC, THANI, VGI, PLANB, MINT, VNT, WORK, MAJOR, JMT, PRM)
  • กลุ่มขนส่งทางเรือ (PSL, TTA) อานิสงส์ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุด 1,865 จุด
  • หุ้นปันผลครึ่งปีเด่น (INTUCH, ADVANC, KKP, TCAP, LH, QH)

หุ้นแนะนำวันนี้: PTTEP (ปิด 136 ซื้อ/เป้า 160) ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรง งบ 2Q19 เด่นสุดในกลุ่ม ปตท. โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการของ Murphy Oil ในมาเลเซียหนุนปริมาณขายเพิ่มขึ้น 5% ในปีนี้และ 14% ในปีหน้า, KKP (ปิด 71.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 79 บาท) ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับ TISCO ( 2 เดือนที่ผ่านมา KKP +5% แต่ TISCO+12%) ทั้งที่ให้ Dividend yield ใกล้เคียงกันที่ 6-7%ต่อปี ประกอบกับตัวถ่วงของ KKP ใน 1Q19 คือธุรกิจหลักทรัพย์ แต่ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายปรับตัวขึ้นแล้วจึงไม่น่ากังวล อีกทั้งยังมีรายได้จากงาน IB ขนาดใหญ่หลายรายการ ทำให้แนวโน้มกำไรน่าจะ Bottom ไปแล้ว

KSS report วันนี้: PTTEP (ปิด 136 ซื้อ/เป้าใหม่ 160 เดิม 150), TRUE (ปิด 6.15 ถือ เดิม ซื้อ/เป้า 6.2)

ประเด็นสำคัญวันนี้:          

  • (+) ดาวโจนส์เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 27,332 จุด ขานรับความหวัง FED ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค. : ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 244 จุด (+0.90%) ปิดที่ระดับ 27,332 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ FED มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุม 30 – 31 ก.ค. อีกทั้งเป็นการช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Trade war
  • (-) ธ: ธปท.ออกมาตรการลดทอนช่องทางเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.ปรับเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชี NRBS (Non-resident Baht Account for Securities) และ NRBA (Non-resident Baht Account) ลดลงจากเดิมกำหนดไว้ที่ 300 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาทต่อราย NR ต่อประเภทบัญชี โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่ 22 ก.ค.62   2. ให้รายงานข้อมูลชื่อผู้ได้รับผลประโยชน์แท้จริงของนักลงทุนต่างชาติที่ถือครองตราสารหนี้ไทย เพื่อติดตามพฤติกรรมการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ก.ค.62 โดยทั้งนี้เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นเนื่องจาก Fund Flow ต่างชาติจะชะลอการไหลเข้าจากมาตรการดังกล่าว อย่างไรก็ตามคาดว่าผลกระทบจะไม่รุนแรงและเป็นแค่ช่วงระยะสั้นเนื่องจากมาตราการเน้นไปที่การลงทุนตราสารหนี้เป็นหลัก อีกทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีโอกาสปรับตัวลงซึ่งเป็นบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง
  • +/-) สัปดาห์นี้ติตามการประกาศงบของกลุ่มธนาคารซึ่งโดยรวมคาดว่าจะชะลอตัวจากสินเชื่อที่ชะลอตัว ค่า Fee ที่ลดลง รวมถึง NPL มีโอกาสปรับตัวขึ้น จึงอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อกลุ่มธนาคารและภาวะการลงทุน : โดยคาดการณ์วันประกาศงบไว้ดังนี้ 18 ก.ค. TCAP SCB BBL  19 ก.ค. KBANK KTB KKP และ 22 ก.ค. TMB  ส่วน Consensus คาด KKP BBL จะรายงานกำไร 2Q19 เติบโตขึ้น YoY ส่วนธนาคารอื่นคาดว่างบจะอ่อนตัวลง