หลังถูกคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ ( เอฟทีซี ) สั่งปรับเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะที่บริษัทล้มเหลวในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
จนเกิดกรณีอื้อฉาวเมื่อบริษัทเคมบริดจ์ อะนาลิติกา ในอังกฤษ สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลผู้ใช้งานของเฟซบุ๊คเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อปี 2559 ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานเฟซบุ๊คมากถึง 87 ล้านบัญชี
ค่าปรับที่เอฟทีซีเรียกเก็บจากเฟซบุ๊คถือว่าสูงที่สุดเท่าที่รัฐบาลกลางเคยกำหนดค่าปรับเพื่อลงโทษบริษัทต่างๆ
แต่ท่ามกลางข่าวร้าย ยังมีข่าวดี เมื่อเฟซบุ๊ค รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2562 โดยบริษัทยังคงทำกำไรได้ที่หุ้นละ 1.99 ดอลลาร์ มากกว่าที่คาดไว้ 1.88 ดอลลาร์ ส่วนผลกระทบจากการชำระค่าปรับ 5,000 ล้านดอลลาร์ แก่เอฟทีซีนั้น เป็นส่วนที่ต้องลงในบัญชีงบดุลของไตรมาส 2 เพียง 2,000 ล้านดอลลาร์ โดยในไตรมาสก่อนหน้านี้ บริษัทกันสำรองไว้แล้ว 3,000 ล้านดอลลาร์
รายได้ของเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ โดยอยู่ที่ 16,900 ล้านดอลลาร์ ราคาหุ้นปิดตลาด วันที่24 ก.ค. เพิ่มขึ้น 56% เมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีนี้