สหรัฐขึ้นภาษีล๊อตสุดท้าย ซ้ำเติมส่งออก
ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ เผยทรัมป์ขึ้นภาษีจีนล็อตสุดท้าย3 แสนล้านดอลลาร์ฯ มีผล 1 ก.ย.ทำส่งออกไทยโคม่าคาดปีนี้-1.5%
ทนายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ทวิตข้อความปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศจีนอีก 10% คิดเป็นมูลค่านำเข้า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผลวันที่ 1 ก.ย. 62 จะส่งผลต่อการส่งออกของไทยปรับตัวลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ในปี 62 ติดลบ 0.6% เป็น ติดลบ 1 ถึงติดลบ 1.5% โดยสินค้าไทยที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าวัตถุดิบที่จีนส่งออกไปสหรัฐ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า, ชิ้นส่วนรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง, ยางพารา เป็นต้น ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการขับเคลื่อนส่งออกไทย
สำหรับมาตรการเร่งด่วนในการพยุงส่งออก เช่น ต้องผลักดันให้สินค้าไทยแข่งขันได้โดยเฉพาะเรื่องของราคาหากสูงเกินไปทำให้ผู้ค้าหันไปซื้อสินค้าประเทศอื่นแทน, เร่งจัดงานมหกรรมพบปะระหว่างผู้นำเข้ากับผู้ส่งออกไทยหรือเกษตรกรไทย เพื่อให้เกิดการเจรจาการสั่งออเดอร์ โดยต้องเป็นงานใหญ่มีการดึงผู้นำเข้าต่างชาติรายใหญ่ๆหรือเชิญรัฐมนตรีประเทศคู่ค้ามาร่วมงานด้วย เป็นต้น
นายอัทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ส่งออกไทยเริ่มกังวลว่ารัฐบาลจีนจะตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้ากี่รายการ เนื่องจากที่ผ่านมาจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐไปแล้ว 1.1 แสนล้านดอลลาร์ และอีกสินค้าที่จะให้มีการปรับขึ้นภาษีอีก 1 แสนล้านดอลลาร์ อาจจีนประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐทั้งหมดก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ส่งออกไทยและส่งออกทั่วโลกอยู่ในภาวะย่ำแย่กว่าเดิมอีก
“การปรับขึ้นภาษีนำเข้าจีนของสหรัฐถือว่าเป็นล็อตสุดท้ายแล้ว และเมื่อรวมกับครั้งก่อนหน้านี้สหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนก็จะมีมูลค่าสินค้ารวมกัน 5.6 แสนล้านดอลลาร์ถือว่าหมดกระสุนแล้ว ขณะที่จีนก่อนหน้านี้ได้มีการตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐไปแล้ว 1.1 แสนล้านดอลลาร์ และยังเหลือสินค้าสหรัฐที่จีนสามารถตอบโต้ได้อีก 100,000 ล้านดอลลาร์ แต่หากจีนตอบโต้กลับมาอีกก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก โดยในส่วนของการปรับขึ้นภาษี 10% ของสหรัฐที่มีผลวันที่ 1 ก.ย.นี้จะส่งผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจโลกลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ขยายตัว 3.2% เหลือ 3%”
นายอัทธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้คาดการณ์ส่งออกไทยในครึ่งปีหลังปี 62 โดยคาดว่า จะขยายตัวได้ 1.6% โดยมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 128,367 ล้านดอลลาร์ โดยการขยายตัวเป็นบวกมาจากการส่งออกของไทยโดยเฉพาะตลาดรอง ที่ไม่ใช่สหรัฐและจีน เช่น อินเดีย อาเซียน ยังคงขยายตัวได้ดี ประกอบกับมาตรการการกระตุ้นการส่งออกของภาครัฐ ขณะที่การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีแรกติดลบ 2.9 % แต่เมื่อเจอมาตรการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 10% คิดเป็นมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ทำให้ส่งออกไทยในครึ่งหลักของปีติดลบ 0.4-ลบ1%