ทูตพาณิชย์โตเกียว ชี้ 'พลาสติกชีวภาพ' โตแรง
อุตสาหกรรมBio-Circular และGreen Economy เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลปัจจุบันที่ต้องการวางรากฐานเศรษฐกิจประเทศ
โดยอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
ด้านการผลิตได้รับการส่งเสริมแล้วแต่ด้านการตลาดพบว่าแม้ในประเทศไทยยังไม่ตื่นตัวเรื่องนี้มากนักแต่ในประเทศญี่ปุ่น โดยกิตติวัฒน์ ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยผ่านรายงานMarketing Report From Tokyo July 2019 ว่า แนวโน้มการบริโภคพลาสติกชีวภาพในภาคธุรกิจญี่ปุ่น Bioplastics หรือ พลาสติกชีวภาพ กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ข้อมูลจากสถาบันวิจัย Yano Research Institute พบว่า ในปี 2553 พลาสติก Bio-PET และ Bio-PE ถูกนำไปใช้ผลิตสินค้าหลายประเภทสำหรับการบริโภคของภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้ตลาดพลาสติกชีวภาพในญี่ปุ่นขยายอย่างต่อเนื่อง ก่อนเริ่มทรงตัวในปี2557 และล่าสุดในปี 2560 ญี่ปุ่นผลิต Bioplastics ปริมาณถึง 47,780 ตัน ซึ่งเป็นการขยายตัว1.9%จากปีก่อน
แม้อัตราขยายตัวจะไม่สูงมากแต่พบว่ากระแสการดูแลสภาพนิเวศทางท้องทะเลที่เกิดจากพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งลงทะเล และในปี 2561 ประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับสภาพอากาศในช่วงฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ความต้องการขวด Bio-PET ที่บรรจุน้ำดื่มเพิ่มขึ้นและคาดว่าปริมาณการใช้พลาสติกชีวภาพจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันโดยปริมาณการบริโภคในปี 2561 จะอยู่ที่ระดับ 51,285 ตัน
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมพลาสติกของเอเซียและของโลก โดยมีขนาดอุตสาหกรรมพลาสติกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเซียรองจากประเทศจีน อีกทั้งเป็นประเทศที่ผลิตขยะพลาสติก จากภาชนะบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastics) ต่อคน สูงที่สุดอันดับ 2 ของโลก
ญี่ปุ่นจึงให้ความสนใจต่อการผลิตและบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากหลังจากประเทศจีนได้ประกาศงดการนำเข้าของเสียพลาสติกจากต่างประเทศในปี 2560 รวมถึงอีกหลายประเทศที่เริ่มงดการนำเข้าขยะพลาสติกจากญี่ปุ่น ส่งผลให้ปัญหาขยะพลาสติกในญี่ปุ่นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม หรือ เมติ ได้ออกมาประกาศมาตรการลดการใช้ถุงพลาสติกในกลุ่มผู้บริโภค และมีเป้าหมายในการลดการผลิตจากกลุ่ม
อุตสาหกรรมการผลิตโดยการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มหากผู้บริโภคต้องการถุงพลาสติก ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นก็เริ่มมาตรการแบ่งสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้กระบวนการผลิตพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และมีการให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทที่หันมาใช้กระดาษแทนพลาสติก
ล่าสุด เมื่อ 31 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกลยุทธ์สำหรับการหมุนเวียนของทรัพยากร สำหรับผลิตพลาสติกหรือที่เรียกว่า Resource Circulation Strategy for Plastics โดยแผนงานดังกล่าว ดำเนินการคัดแยกและการรีไซเคิลขยะตามหลักคิด 3R (Reduce, Reuse และ Recycle) พร้อมทั้งเพิ่มการใช้ทรัพยากรที่ใช้แล้วสามารถทดแทนได้ (Renewable Resource) เข้าสู่กระบวนการด้วย โดยสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ลดการสร้างขยะจากพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งลงในอัตราสะสม 25% ภายในปี 2573 และสามารถนำภาชนะบรรจุภัณฑ์มาใช้ Reuse และ Recycle ได้ภายในปี 2573 และให้ได้ 100% ในปี 2578 ซึ่งตามแผนนี้มีเป้าหมายการเพิ่มใช้ทรัยากรหมุนเวียนได้ถึง 2 เท่าจากปัจจุบันและผลิตพลาสติกชีวภาพให้ได้ถึง 2 ล้านตันภานในปี 2573
“กลยุทธ์ที่นำมาใช้ก็มีหลากหลาย เช่น ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมและสร้างระบบรีไซเคิลที่เหมาะสมถูกนำมาใช้ กระตุ้นอุปสงค์ตลาด เช่น รัฐบาลเป็นผู้นำร่องการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement), ให้ incentive สำหรับการใช้งานพลาสติกชีวภาพ การหันมาใช้พลาสติกชีวมวลเป็นวัตถุดิบในการผลิตภายในปี2573”
ด้านการเคลื่อนไหวภาคเอกชนพบว่า Mitsubishi Chemical Holdings Corporation ได้เริ่มเพิ่มการลงทุนในวัสดุระดับสูงในกลุ่มชิ้นส่วนยานพาหนะไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบพลาสติกที่เบาและแข็งแรงกว่าเดิม โดยในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาบริษัทฯประกาศร่วมลงทุนกับบริษัทด้านวัสดุและเคมีภัณฑ์ญี่ปุ่นรายอื่นอีก 10 แห่งร่วมกันจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในบริษัท startup
ผู้ผลิตเครื่องดื่มเองก็พบว่ามีบริษัทหลายรายที่หันมาควบคุมการใช้พลาสติกในกระบวนการผลิตมากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น บริษัท Kirin Holdings ผลิตขวดพลาสติก R100 ที่ทำจาก ขวดพลาสติกรีไซเคิล PET 100% ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวทำ ให้กลายเป็นขวดที่เบาที่สุดที่สร้างขึ้นในญี่ปุุ่นและช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ Made in Japan ของบริษัท ขวดเครื่องดื่มพลาสติกไร้ฉลากของ บริษัท Asahi Soft Drink อุตสาหกรรมพลาสติกมีทิศทางในการขยายตัวทิศทางเดียวกันกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เมื่อมองเห็นโอกาสทางการตลาดแล้วหันกลับมาที่ประเทศไทยซึ่งมีความได้เปรียบเพราะมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และมีวัตถุดิบทางการเกษตรที่เหมาะแก่การผลิตพลาสติกชีวภาพ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกและกำลังการผลิตระดับผู้นำโลก จึงมีศักยภาพในการผลิตพลาสติกที่ทำจากพืช (bio-based plastic)
ดังนั้น การหันมาให้ความสนใจในเทคโนโลยีด้านพลาสติกชีวภาพในภาคอุตสาหกรรมอาจเป็นโอกาสอันดี และช่วยให้ประเทศได้เปิดตลาดใหม่ๆ เพราะบริษัทในอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่มและอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องได้ออกนโยบายบริษัทในการควบคุมการใช้พลาสติกให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ซึ่งคาดว่านักลงทุนและผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตพลาสติก เช่น ผู้ส่งออกเม็ดพลาสติก รวมถึงธุรกิจอาหารเครื่องดื่มของไทยที่ส่งออกไปญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบด้านปริมาณการส่งออกในระยะยาวเช่นกันหากยังใช้พลาสติกที่ทำจากปิโตรเลียมอยู่
นอกจากการส่งเสริมของภาครัฐให้ผู้ประกอบหันมาผลิตพลาสติกชีวภาพมากขึ้นแล้ว ผู้ส่งออกในปัจจุบันอาจต้องพิจารณาปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในระยะยาว โดยเฉพาะการให้ความสนใจในด้านนวัตกรรมการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศผู้ซื้อและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันรวมทั้งส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบัน