‘ดับบลิวเอชเอรีท'เดินหน้าเพิ่มทุน ดันสินทรัพย์แตะ 5หมื่นล.
“ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท” เดินหน้าเพิ่มทุนต่อเนื่อง เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินปีละ 4-5พันล้านบาท หวังดันขนาดกองทุนแตะ 5 หมื่นล้านบาทภายใน2ปี หลังเพิ่มทุนครั้งล่าสุดดันสินทรัพย์แตะ 3.8 หมื่นล้านบาท ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของรีทคลังสินค้า
นางสาวนฤมล ตันตยาวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน(ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหน่วยทรัสต์ สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่4 โดยเสนอขายให้ผู้ถือหน่วยเดิมสัดส่วน50-100% คาดเปิดจองในเดือนพ.ย. และเสนอขายภายในสิ้นปีนี้
การเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งที่5 ในอสังหาริมทรัพย์ สิทธิการเช่า และสิทธิการเช่าช่วงของอสังหาริมทรัพย์ โดยกองทรัสต์จะลงทุนในทรัพย์สินมูลค่าไม่เกิน4,880.52 ล้านบาท รวม5 โครงการ แบ่งเป็น การลงทุนในกรรมสิทธิ์ 3 โครงการ และการลงทุนสิทธิการเช่า/สิทธิการเช่าช่วงจำนวน2โครงการ โดยมีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ155,237ตารางเมตร พื้นที่เช่าหลังคารวมประมาณ 71,482 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าลานจอดรถรวมประมาณ2,983 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 172ไร่ 2งาน 26.75 ตารางวา
ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่ทางกองทรัสต์ WHART เข้าไปลงทุนนั้นมีความโดดเด่น ในด้านทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่ง โลจิสติกส์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคลังสินค้าได้ในระยะยาว ภายหลังจากการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์WHART เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.8 หมื่นล้านบาท เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกองทุนรีทคลังสินค้า จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ1ใน3ของอุตสาหกรรม
“กองทุนยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตในอนาคตด้วยการเพิ่มทุนและเข้าลงทุนในทรัพย์สินเฉลี่ย4,000 -5,000ล้านบาทต่อปี ที่เป็นทั้งอสังหาริมทรัพย์ในและนอกกลุ่ม ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส คาดว่าในอีก2ปีข้างหน้ามูลค่าทรัพย์สินรวมกองทุนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ5 หมื่นล้านบาท”
ด้านผลตอบแทนจากเงินปันผลหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้กองทรัสต์ WHART ยังสามารถจ่ายได้สม่ำเสมอ และเพิ่มขึ้นในอีก12เดือนข้างหน้า อยู่ที่0.79บาทต่อหน่วย จากปีนี้คาดว่าจะจ่ายอยู่ที่ 0.78 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 4.4%ต่อปี ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี เมื่อเทียบกับกองรีทในระดับเดียวกัน ขณะที่ราคาหุ้นได้มีการปรับเพิ่มขึ้นในทุกปี ถือว่ากองรีทคลังสินค้ายังน่าสนใจและสามารถตอบโจทย์ความต้องการนักลงทุนที่มุ่งเน้นเงินปันผลเป็นหลัก ในภาวะดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
“เมื่อระดับกองทุนแตะระดับ30,000ล้านบาท ทำให้กองทุนเป็นที่สนใจลงทุนของนักลงทุนต่างเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเพียง3% และอีก97%เป็นนักลงทุนไทย ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบันเกิน50% โดยกองทุนยังมีอัตราการเช่าระดับสูงเฉลี่ย91% มีอายุสัญญาเช่าคงเหลือเกิน5ปีค่อนข้างมาก ทำให้อายุสัญญาคงเหลือเฉลี่ยอยู่ที่4-6ปี ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดอยู่ที่ 3ปี ทำให้สามารถผลตอบแทนจากเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-'ดับบลิวเอชเอ' ทุ่ม4.5หมื่นล้านชิงโอกาสอีอีซี
-'ดับบลิวเอชเอกรุ๊ป' ตั้งเป้าปี'62 โตก้าวกระโดด
-ดับบลิวเอชเอ จับมือ JD.Com ตั้งบริษัทร่วมทุน
-ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป พร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2562