'พาณิชย์'ชง ครม.เคาะอาร์เซ็ปวันนี้ สรุปผลเจรจาเสนอเวทีซัมมิต

'พาณิชย์'ชง ครม.เคาะอาร์เซ็ปวันนี้  สรุปผลเจรจาเสนอเวทีซัมมิต

"พาณิชย์" เตรียมชงผลเจรจาอาร์เซ็ปเข้า ครม.วันนี้ พร้อมเปิดบทสรุปก่อนปิดดีลประวัติศาสตร์ จับตาถ้อยแถลง “ประยุทธ์” 4 พ.ย.ต่อเวทีผู้นำ

การเจราจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2556 กำลังจะสิ้นสุดลงในการประชุมระดับผู้นำที่กรุงเทพในวันที่ 4  พ.ย.นี้ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ร่วมกับผู้นำอาร์เซ็ปจากสมาชิก 16ประเทศ ประกอบด้วยอาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมที่เกี่ยวข้องระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35  ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.นี้ ที่กรุงเทพ 

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 29 ต.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานหลักเจรจาอาร์เซ็ปจะนำผลการเจรจาเสนอต่อที่ประชุม เบื้องต้นคาดว่าจะได้รับความเห็นชอบ เพื่อนำไปสู่การจัดทำถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีที่มีกำหนดขึ้นกล่าวต่อที่ประชุมอาร์เซ็ปซัมมิท เป็นเวลา 2 นาที จากนั้นจะเป็นคิวของประธานคนต่อไป คือ เวียดนาม และอินโดนีเซียในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการเจรจา หรือ ทีเอ็นซี และสิงคโปร์ ในฐานะประธานปี2561 ที่ผ่านมา ก่อนส่งต่อให้ผู้นำจากประเทศต่างๆจะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงจนครบทั้ง 16 ประเทศในเวลาเท่ากัน 

จากนั้นเลขาธิการอาร์เซ็ปจะกล่าวแถลงการณ์ร่วมผู้นำ หรือ Joint Leaders 'Statement  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องมีคำว่า “สามารถสรุปการเจรจาได้” หรือ  Conclusion  จึงจะถือว่าการเจรจาอาร์เซ็ปประสบความสำเร็จ 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีไทย คาดว่าจะระบุถึงความมั่นใจและประโยชน์ความร่วมมือในระดับภูมิภาคเพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันในภาวะเศรษฐกิจการค้าปัจจุบัน 

เจรจาคืบอีก3ข้อบท

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดการเจรจาอาร์เซ็ป ขณะนี้ถือว่าประสบความสำเร็จสูงถึง 99% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ 21-25 ต.ค.  สามารถสรุปได้แล้ว ทั้งสิ้น 17 ข้อบท  จากเดิม 14 ข้อบท (เมื่อ 11-12 ต.ค.ที่ผ่านมา) อย่างไรก็ตาม ยังเหลืออีก  3 ข้อบท ได้แก่ แหล่งกำเนิดสินค้า บริการ และการลงทุน ซึ่งมีเพียงข้อติดขัดเพียงเล็กน้อย คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้และส่งให้ครม.พิจารณาได้โดยสมบูรณ์ 

ส่วนรายละเอียดข้อตกลง ยอมรับว่าไม่ได้สุดโต่งแบบความตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) หรือ ทีพีพี เก่าที่สหรัฐเป็นผู้ริเริ่มที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการค้า ขณะที่อาร์เซ็ป เน้นการสร้างข้อตกลงแนวใหม่ว่าด้วยการใช้งานได้อย่างทันสมัยกับรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่พันธะการเปิดตลาดก็ให้ครอบคลุมต่อกฎหมายต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การคุ้มครองการลงทุน แหล่งกำเนิดนสินค้า ถือเป็นการออกแบบข้อตกลงระดับภูมิภาคที่ม่ีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้ ให้สามารถตอบโจทย์การค้าในอนาคตได้ 

สำหรับไทม์ไลน์การเจรจาอาร์เซ็ปในช่วง 7 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่เริ่มเจรจาเมื่อ พ.ค. 2556 กรอบการเจรจาทั้งหมด 20 ข้อบท 4 ภาคผนวก เริ่มตั้งแต่ต.ค. 2559 ข้อบทว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ ต่อมา ธ.ค.2559 ข้อบทวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 

จากนั้น ก.ค.2561 ข้อบทพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ,ก.ค. 2561 ข้อบทจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ,พ.ย.2561 ข้อบทมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ,พ.ย.2561 ข้อบทมาตรฐานกฎระเบียบทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง ,พ.ย.2561 ข้อบทบัญญัติเกี่ยวกับสถาบัน,ส.ค.2562 ข้อบทบริการโทรคมนาคม

ส่วน ส.ค.2562 ข้อบทการค้าบริการ ว่าด้วยเรื่องบริการการเงิน บริการวิชาชีพ จากนั้นตั้งแต่ช่วง ก.ย.-ต.ค.2562 สามารถเจรจาได้อย่างคืบหน้าโดยเร็วทั้งข้อบทการค้าสินค้า,ข้อบทการเคลื่อนย้ายบุคคล,ข้อบททรัพย์สินทางปัญญา,ข้อบทบัญญัติทั่วไปและข้อยกเว้น,ข้อบทการระงับข้อพิพาท,ข้อบทบัญญัติสุดท้ายและภาคผนวกแหล่ง กำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า