MTC - ถือ

MTC - ถือ

คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นเป็ นตัวช่วยเพิ่มมูลค่า

Event

ปรับเพิ่มประมาณการกำไร และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายใหม่หลังงาน opportunity day

lmpact

แรงกดดันด้าน credit cost ลดลง

ผู้บริหารของ MTC มั่นใจมากขึ้นกับคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัท และอาจจะลด credit cost ปีหน้าลงหลังจากที่ใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 โดยใน 3Q62 MTC ได้เพิ่มแรงจูงใจให้พนักงานในการติดตามหนี้เพื่อป้องกัน NPL ซึ่งแม้ว่าแรงจูงใจในส่วนนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ช่วยให้ NPL และ credit cost ลดลง ผู้บริหารเชื่อว่าการให้แรงจูงใจแบบนี้ต่อเนื่องจะทำให้บริษัทบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ credit cost ลดลงได้ในปีหน้า ดังนั้น เราจึงปรับลดสมมติฐาน credit cost ปี 2563/64 ลง 20bps/30bps เหลือ 100bps/118bps ทั้งนี้ credit cost ใน 3Q62 ลดลงเหลือ 83bps หรือประมาณ 105bps ในงวด 9M62 (ต่ำกว่าประมาณการของเราที่ 124bps)

ต้นทุนทางการเงินจะลดลงในปีหน้า

MTC มีนโยบายจะคงสัดส่วนการระดมทุนระยะยาวเอาไว้ที่ประมาณ 60% ของโครงสร้างเงินทุนในขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รอบล่าสุดจะไม่ได้ดึงให้ต้นทุนทางการเงินลดลงมามากนักในปีนี้ แต่จะส่งผลในปีหน้ามากกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทได้ปรับขึ้นเรตติ้งจาก TRIS เราจึงคาดว่าบริษัทน่าจะลดต้นทุนทางการเงินลงได้ 20bps ในปี 2563 ดังนั้น เราจึงใช้สมมติฐานต้นทุนทางการเงินที่ลดลงในปี 2563-2564

Yield สินเชื่อเริ่มทรงตัว

หลังจากที่ปรับ yield สินเชื่อภายใต้ EIR ไปแล้วใน 1H62 yield สินเชื่อก็เริ่มจะฟื้นตัวขึ้น 40bps QoQ ใน 3Q62 (จาก 24% ในปี 2561) ผู้บริหารบอกว่าจากนี้ไป yield สินเชื่อน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้เนื่องจากโครงสร้างสินเชื่อเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้น เราจึงคาดว่า yield สินเชื่อปี 2563/64 จะอยู่ที่ 22% และ yield + ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 22.9%/23.1% (จาก 22.8% ใน 3Q6219) สำหรับในระยะต่อไป เราคาดว่า การเพิ่มขึ้นของ yield จะขึ้นกับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อ yield สูง ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคล (P-loan) และสินเชื่อนาโน

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563/64 ขึ้นอีก 4%/10% และปรับราคาเป้าหมายปี 2563 เป็น 62.5 บาท (P/E 24x)

เราปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อปี 2563/64 เป็น 25%/25% (จากเดิม 20%/20%),ปรับลดต้นทุนทางการเงินลง 20bps/15bps และ ปรับลด credit cost ลง 20bps/30bps ทั้งนี้ เมื่อใช้ P/E ที่24x (PEG 1.0x ของอัตราการเติบโตของกำไรปี 2563F-2564F) ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2563F ใหม่
ที่ 62.50 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 52.50 บาท) เราจึงปรับคำแนะนำจาก ขาย เป็น ถือ

Risks

มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, สินเชื่อไม่โตตามคาด, มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น