STEC - ซื้อ
ประมาณการ 3Q62: กำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ
Event
ประมาณการ 3Q62
lmpact
คาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q62 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก margin ถูกบีบ
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ STEC ใน 3Q62 จะอยู่ที่ 220 ล้านบาท (-42.4% YoY, -18.0% QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นถูกบีบ (งานส่วนใหญ่เป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่มี margin ต่ำ และ backlog ส่วนที่เหลือของโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา) ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะไม่มีรายได้เงินปันผลจาก Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)* และ Thai Solar Energy (TSE.BK/TSE TB) เหมือนใน 2Q62 เราคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 7.6 พันล้านบาท (+5.2% YoY, +4.3% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เป็น 5.3% (จาก 5.1% ใน 2Q62) จากความคืบหน้าของโครงการภาครัฐซึ่งแซงหน้ายอดรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา เราคาดว่ากำไรสุทธิงวด 9M62 จะอยู่ที่ 831 ล้านบาท (-15.1% YoY) คิดเป็น 73.7% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา
ยังมองบวกกับ backlog ที่แข็งแกร่ง และโครงการที่มีโอกาสประมูลได้เพิ่ม
ถึงแม้ว่าจะมีการเลื่อนประมูลโครงการภาครัฐออกไป แต่เมื่อสิ้นเดือนตุลาคม 2562 STEC ก็มี backlogในมือตุนไว้ถึง 9.62 หมื่นล้านบาทแล้ว ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทไปได้จนถึงปี 2565 แม้จะไม่มี backlog ใหม่เพิ่มเข้ามาเลยก็ตาม สำหรับในระยะสั้น เรามองว่าบริษัทมีโอกาสเพิ่ม backlog จากโครงการพาณิชย์ อย่างเช่น The One Bangkok, Dusit Central Park และ The Bangkok Mall เราคาดว่าการที่รัฐบาลจะสามารถผ่าน พรบ. งบประมาณปี 2563 ได้ภายในเดือนมกราคม 2563 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการเปิดประมูลโครงการภาครัฐ อย่างเช่น i) รถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก ii) รถไฟฟ้า MRT สายสีแดงเข้ม (รังสิต- ธรรมศาสตร์, ตลิ่งชัน-ศาลายา และตลิ่งชัน-ศิริราช) iii) รถไฟทางคู่เฟสที่ 2 (9 เส้นทาง) และ iv) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟสที่ 3 (runway ที่สาม, อาคาร satellite terminal ใหม่)
ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบต่าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว
เราคิดว่าราคาหุ้น STEC ถูกเทขายหนักเกินไป โดยปัจจุบันซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า P/BV เฉลี่ยระยะยาว -2 S.D. ซึ่งต่ำกว่าตอนที่บริษัทประกาศผลขาดทุนผิดขาดเมื่อ 4Q60 (ซึ่งบริษัทตั้งสำรอง 2.97 พันล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ 1.32 พันล้านบาท) เราคาดว่าประเด็นค้างคาเรื่องการอุทธรณ์กรณีการประมูลโครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภาจะมีความชัดเจนในเดือนนี้
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 21.40 บาท อิงจาก PER ที่ 25x (PER เฉลี่ยระยะยาว +1 S.D.) เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะโตได้ถึง 20.0% เนื่องจาก i) ยอดรับรู้รายได้เร่งตัวขึ้น และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เราคิดว่าคำตัดสินของศาลฎีกาในกรณีโครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภาจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในระยะสั้น ถ้าหาก BBS consortium ชนะประมูลโครงการนี้ STEC จะได้ backlog เฟสแรก 3 หมื่นล้านบาท (เราใช้สมมติฐานส่วนแบ่งตลาดที่ 15% ของงานโยธาใน
การทำประมาณการรายได้)
Risks
งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด, ขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนค่าวัสดุแพงขึ้น