เศรษฐกิจ
บีโอไอเร่งยกระดับ SMEs ไทยหนุนวิจัยและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
บีโอไอมุ่งส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการวิจัยและพัฒนา สร้างนวัตกรรมบุกตลาดโลก
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยในโอกาสนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมกิจการธุรกิจ SMEs ไทยที่ได้รับการส่งเสริมในกิจการวิจัยและพัฒนา ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นกิจการที่บีโอไอให้ความสำคัญและให้การส่งเสริมมาโดยตลอด โดยกว่าร้อยละ 60 ของโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนในแต่ละปีเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ระหว่างปี 2558 – กันยายน 2562 มีโครงการ SMEs ไทย ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 2,222 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 97,912 ล้านบาท
“ที่ผ่านมา บีโอไอมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับ SMEs ด้วยสิทธิประโยชน์ที่สูงและเงื่อนไขที่ผ่อนปรน พร้อมทั้งสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่กับ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ รวมทั้งมุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการ (Merit-based Incentives) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา เช่น การสนับสนุนกองทุนพัฒนาเทคโนโลยี การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น โดยสามารถนำเงินลงทุนดังกล่าวมาลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบีโอไอได้” นางสาวดวงใจกล่าว
“ที่ผ่านมา บีโอไอมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับ SMEs ด้วยสิทธิประโยชน์ที่สูงและเงื่อนไขที่ผ่อนปรน พร้อมทั้งสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่กับ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ รวมทั้งมุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการ (Merit-based Incentives) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา เช่น การสนับสนุนกองทุนพัฒนาเทคโนโลยี การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น โดยสามารถนำเงินลงทุนดังกล่าวมาลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบีโอไอได้” นางสาวดวงใจกล่าว
วัตถุประสงค์ในการนำสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในวันนี้ เพื่อให้สื่อมวลชนได้เห็นตัวอย่างของผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีการลงทุนด้านการวิจัยเฉพาะด้าน โดยบริษัท โกลบอล บั๊กส์ เอเชีย จำกัด เป็นกิจการร่วมทุนไทยกับสวีเดน ดำเนินกิจการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและอาหารเสริม เป็นต้น มีจุดเด่นที่การวิจัยและพัฒนาโปรตีนผงที่ได้จากแมลง เช่น จิ้งหรีด ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมนำมาทำเป็นโปรตีนผงที่ใช้ในการประกอบการอาหาร เช่น เส้นพาสต้า และเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับอาหารเสริม โดยได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มประเทศยุโรป นับเป็นตัวอย่างกิจการที่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างกิจการไทยและต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันบีโอไอได้ให้การส่งเสริมกิจการลักษณะนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกิจการที่มีการวิจัยและพัฒนา
ส่วนบริษัท บุญ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้รับการส่งเสริมในกิจการวิจัยและพัฒนาสารเติมแต่งกลิ่นรส (FLAVOR) เพื่อลดการนำเข้าสารเติมแต่งกลิ่นรสจากต่างประเทศ รวมทั้งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรของไทย ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อประเทศ
“ทั้งสองกิจการ ถือเป็นบริษัท SMEs ของคนไทย ที่มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ด้วยการทำวิจัยและพัฒนา นำไปสู่การพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก ซึ่งบีโอไอให้การส่งเสริมในหมวดกิจการวิจัยและพัฒนา โดยให้สิทธิประโยชน์สูงสุดยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี โดยไม่กำหนดวงเงินในการยกเว้นภาษีอีกด้วย โดยตั้งแต่ปี 2558 – ก.ย. 2562 มีคำขอรับการส่งเสริมในกิจการวิจัยและพัฒนารวม 85 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 9,094.9 ล้านบาท” นางสาวดวงใจกล่าว