ส่องหุ้น CBG-TISCO หลุดดัชนี โบรกให้พื้นฐานราคาหุ้นไปต่อ
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยจะตอบรับข่าวดีในช่วงสั้นๆ หลังจากเม็ดเงินต่างชาติทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยติดๆกันจนทำให้จากดัชนีหลุด 1,600 จุด กลับขึ้นมายืนบวกได้หลายวันทำการ ซึ่งประเด็นบวกมีทั้งข่าวการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเฟสแรกเป็นไปด้วย
ขณะที่ประเด็นหนุนคือการปรับหุ้นที่ใช้คำนวณในดัชนี MSCI Semi Annual Index review รอบล่าสุด ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นวานนี้ ( ณ วันปิดที่ 26 พ.ย. ) ซึ่งจะส่งผลทำให้มีเม็ดเงินปรับจากกองทุนที่ต้องปรับพอร์ตลงทุนหากอิงตามดัชนี MSCI
ดัชนี MSCI ซึ่งเป็นดัชนีที่กองทุนขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศใช้อ้างอิงลงทุน ซึ่งในรอบดังกล่าวมีการให้น้ำหนักลงทุนตลาดจีน (A-share) มากขึ้น 5 % เป็น 20 % ส่วนไทยคงน้ำหนักเท่าเดิม ซึ่งจากประเด็นดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นวานนี้มูลค่าซื้อคึกคักถึง 87,951 ล้านบาท
ขณะที่หุ้นที่ถูกเลือกเข้าไปในการคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Index คือ BGRIM- GPSC- OSP และ SAWAD และหุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน MSC Small Cap. Index คือ CENTEL- DOHOME- TPIPP- SPRC -STPI -JMT และTQM
ด้านราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีการตอบรับข่าวจากราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นและมีการเทขายออกมาเพื่อทำกำไรหลังมีผลแล้ว แต่ตามการคาดการณ์พบว่าหากมีผล 26 พ.ย. ในวันถัดไปก็จะปรับตัวตามปัจจัยพื้นฐานปกติ โดยหากอิงจากปัจจัยพื้นฐานและราคาเป้าหมาย เพราะเม็ดเงิoเข้ามาทยอยซื้อแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อมาดูหุ้นที่ถูกถอดออกจากการคำนวณในรอบนี้พบว่า มีแค่ในดัชนี MSC Small Cap. Index คือ CBG-TISCO และ SAWAD เฉพาะ CBG ปรับตัวลดลงวานนี้ลงมาอยู่ที่ ... บาท เปลี่ยนแปลง ... % ก่อนหน้านี้ในรอบ เกือบ 2 เดือน จากราคา 81.75 บาท สามารถขึ้นมาทำราคาที่ 88.00 บาท ก่อนที่จะปรับตัวลดลง
ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้น CBG มีทิศทางบวกในช่วงที่มีการเปิดเผยรายชื่อในดัชนีดังกล่าว จากผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ผ่านมา มีกำไร 732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน และในงวด 9 เดือน มีกำไร 1,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ผลการดำเนินงานในงวดดังกล่าวออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และยังเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่สามารถขึ้นมาแตะที่ระดับ 41.3% ตามต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและรายจ่ายของของธุรกิจในประเทศอังกฤษลดลงมาก
ก่อนหน้า CBG มีปัจจัยกดดันจากยอดขายในกลุ่ม CLMV ลดลงและในบางประเทศมีส่วนแบ่งการตลาดที่หายไป ซึ่บริษัทยังเผชิญแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ชะลอตัวตามต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะด้านการขายและการตลาด
ตามการประเมินของ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ ระบุอัตรากำไรขั้นต้น จะดีขึ้นต่อเนื่องมา 3 ไตรมาส มาจาก อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานผลิตกระป๋องอลูมิเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 86% หลังออกสินค้าใหม่ ที่มาร์จิ้นสูงขึ้น บวกกับราคาอลูมิเนียมแผ่นที่ลดลงดึงให้ต้นทุนการผลิตลดลง
หากแต่ต้องดูการส่งออกหลังการส่งออกไปกัมพูชาชะลอตัวลงในไตรมาสก่อน ซึ่งบริษัทเน้นไปเน้นตลาดเมียนมาร์ช่วยหนุนยอดส่งออกไปยังตลาด CLMV ที่ชะลอตัว ร่วมทั้งการส่งออกไปอาฟกานิสถาน และเยเมน ที่จะเข้ามาหนุนได้
ราคาหุ้น TISCO ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นที่มีทิศทางราคาปรับตัดลดลงเช่นกันในช่วงเกือบ 2 เดือนจากราคา 102.50 บาท มาอยู่ที่ 98.75 บาท ท่ามกลางกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ 1,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการลดลงของการตั้งสำรองที่น้อยกว่าคาด และการบริหารคุณภาพลูกหนี้ที่ยังดีกว่าแบงก์ใหญ่
แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การเติบโตของสินเชื่อขาย 0.2 % บวกกับการออกมาปรับเป้ายอดเติบโตของสินเชื่อของธนาคารใหญ่ในตลาดทำให้ภาพรวมธุรกิจธนาคารจึงไม่สดใสเท่าไร
อย่างไรก็ตาม TISCO ถือว่าทำกำไรได้ดีกว่าภาพรวม บล.เอเอสแอล มองว่าแนวโน้มผลประกอบการปีนี้เราคาดว่ายังขยายตัว 6.6% ที่ระดับ 7,480 ล้านบาท จากการตั้งสำรองที่ลดลง ด้านรายได้ดอกเบี้ยอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) จะยังทรงตัวต่อเนื่องไปถึงสิ้นปีจากสินเชื่อรายย่อยที่ขยายตัวชะลอลงแต่จะเติบโตได้ดีในสินเชื่อ Auto cash สมหวังเงินสั่งได้ จึง แนะ"ซื้อเมื่ออ่อนตัวที่ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 103.50 บาท