“ไฟแนลเชียลโปรดักท์” แนวรบใหม่ “ฮาบิแทท”เจาะอสังหาฯลงทุน
ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในไทย ได้แก่ การลงทุนในคอนโดมิเนียม หรือวิลล่าตากอากาศ ที่ผ่านมาจะชูกลยุทธ์การขายด้วยการ“การันตีผลตอบแทน” โดยกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ ทั้งชาวจีน รัสเซีย ฮ่องกง สิงค์โปร์ และ ญี่ปุ่น
ทว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ที่ผ่านมา ลูกค้าชาวต่างชาติจำนวน ‘ลดลง’ ปัจจัยหนึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯเพื่อการลงทุน เริ่มกระจายความเสี่ยงด้วยการหันมาจับกำลังซื้อลูกค้าในประเทศที่ต้องการลงทุน ไปพร้อมกับการหากลยุทธ์การขายใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์ “Collaboration” กับแบรนด์ต่างชาติให้เข้ามาช่วยบริหารเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือกับกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาลงทุน ภายใต้แบรนด์ต่างๆ อาทิ วินแดม (WYNDHAM), ฮิลตัน(Hilton) ,รามาด้า บาย วินด์ดัม ฯลฯ
ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุนในปี 2563 ว่า ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้จะหวือหวาเหมือนในอดีต สังเกตจากการที่หลายผู้ประกอบการอสังหาฯ เปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากเดิม ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเป็นที่พักอาศัยเพื่อขายมาพัฒนาคอนโดเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนในรูปแบบการปล่อยเช่าเป็นโรงแรมเพื่อเป็นการสร้างรายได้ประจำมากขึ้น เพราะตลาดอสังหาฯเพื่อขายชะลอตัว ประกอบกับกลุ่มนักลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร และกองทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจลงทุนโครงการอสังหาฯมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
ชนินทร์ มองว่า ในฐานะเป็นผู้บุกเบิกตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุนมานาน จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรับมือการแข่งขันจากคู่แข่งที่เข้ามาเติมในตลาด จากเดิมให้ความสำคัญกับการตลาดแบบ 4P ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจำหน่ายและ การส่งเสริมการขาย แต่ปัจจุบัน “ไม่เพียงพอ” ต้องเพิ่มวิธีการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วยการทำสัมมนาให้ความรู้จากเดิมทำเฉพาะตลาดพัทยาซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลัก จะมาทำในตลาดกรุงเทพฯในปี 2563 เพื่อขยายฐานลูกค้า อยากซื้อเพื่อลงอสังหาฯ แต่ต้องการเพิ่มเติมความรู้ รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนพันธบัตรที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อดึงมาเป็นลูกค้าได้
อาทิ การจับมือกับ แจลุกซ์ ที่มีประสบการณ์การบริหารอสังหาริมทรัพย์ ประเทศญี่ปุ่นในการปล่อยเช่า ล่าสุดได้จับมือกลุ่มฟันด์ บริษัท อีซีจี-รีเซิร์ซ จำกัด มาร่วมพัฒนาแพกเกจ “PEREF CARE-Pay Less,Earn More” ให้กับกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ ในโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 และวาลเด้น ทองหล่อ 13 ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็น คอนโด ลักชัวรี่โลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท
"ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีเงินสดพร้อมที่ลงทุนหากโครงการนั้นให้ผลตอบแทนดี โดยจ่ายดาวน์เยอะหน่อย 70-80% ส่วนเกินจากการจ่ายดาวน์ ทางอีซีจีฯนำไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจนกระทั้งโครงการสร้างเสร็จจะคืนเงินต้นบวกรีเทิร์นให้ เหมือนกับได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น "
กลยุทธ์การต่อยอดธุรกิจด้วยการนำ “ไฟแนลเชียลโปรดักท์” ผสมเข้ามาในการให้บริการเสมือนเป็นการเพิ่มอาวุธ ในการดึงกลุ่มลูกค้าที่มีเงินสดเข้ามาลงทุน ส่วนกลุ่มซื้อเช่าจะได้มาจากแจลุกซ์ ที่มีฐานลูกค้าคนญี่ปุ่นเข้ามาในโครงการท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง จำเป็นต้องสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดด้วยกลยุทธ์แปลกใหม่ เพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน
"วันนี้ 4P เอาไม่อยู่เนื่องจากคนชะลอการซื้อเพราะไม่มั่นใจ ทั้งที่จริงๆจังหวะเวลานี้ เหมือนตลาดหุ้น เมื่อไรที่ตลาดตก ต้องรีบซื้อเพราะได้ราคาดี"
ส่วนแผนธุรกิจในปี 2563 ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการเพื่อการลงทุนในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ ด้วยการโฟกัสการลงทุนในพื้นที่พัทยาเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางภาคตะวันออก เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)การพัฒนาขยายสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินพาณิชย์ และโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ระหว่างสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา ตอกย้ำการลงทุนระยะยาวของภาคตะวันออก
โดยจะเปิดเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส 1 โครงการ บนทำเลติดทะเลนาจอมเทียน ประกอบด้วย คอนโดซื้อเพื่อลงทุนและคอนโดซื้อเพื่ออยู่อาศัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯได้ลงทุนพัฒนาโครงการในพัทยาไปแล้วทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 5,500 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่ได้เปิดให้บริการในรูปแบบของโรงแรมแล้วจำนวน 3 แห่งคือ เดอะ วิลล์ จอมเทียน, ครอสทูไวส์ พัทยา ซีเฟียร์, ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ และเตรียมเปิดบริการเพิ่มอีก 2 แห่งในปี 2563 คือ บลูเฟียร์ บีดับเบิลยู พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น บาย เบสท์ เวสเทิร์น และเบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา ส่วนในกรุงเทพฯ เน้นการลงทุนในทำเลย่าน อโศก พร้อมพงศ์ และทองหล่อ