“โซน่าร์”รุกออนไลน์สู้ศึกเครื่องใช้ไฟฟ้า

นางสาวพิจิตรา เรืองวัฒนไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซน่าร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ “โซน่าร์” เปิดเผยว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการผลักดันเครื่องใช้ไฟฟ้าโซน่าร์ ซึ่งเป็นแบรนด์คนไทยทำตลาดมากว่า 50 ปี ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และต้องการให้ประชากรไทยทั้ง 22 ครัวเรือนมีเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์บริษัทอย่างน้อย 1 รายการ จากที่จำหน่ายทั้งสิ้นกว่า 3,000 รายการ เพื่อผลักดันเป้าหมายดังกล่าว แนวทางการทำตลาดจะต้องกระจายสินค้าเจาะทุกช่องทางจำหน่ายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย(Reach)ได้มากสุดเท่าที่จะทำได้

ที่ผ่านมา บริษัทจำหน่ายสินค้าผ่านพันธมิตรต่างๆ 5 ช่องทาง ได้แก่ ตัวแทนจำหน่าย(ดีลเลอร์) ห้างค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด โฮมชอปปิง แคตตาล็อก และออนไลน์ โดยอย่างหลังถือเป็นข่องทางที่มาแรงและยอดขายมีการเติบโตอย่างมาก ทำให้บริษัทโฟกัสการทำตลาดมากขึ้น และกระจายสินค้าไปเจาะทุกแพลตฟอร์มทั้งเว็บไซต์ของบริษัท ผ่านมาร์เก็ตเพลสต่างๆ เช่น ช้อปปี้ ลาซาด้า เซ็นทรัลเจดีดอทคอม เฟสบุ๊ค และไลน์ ออฟฟิศเชียล

สำหรับช่องทางออนไลน์ ถือเป็นขุมทรัพย์การตลาดที่มีขนาดมหาศาล และยังเป็นช่องทางที่ช่วยให้การขายสินค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับพลังของพนักงานขายนับร้อยนับพัน

“พลังของช่องทางออนไลน์ สามารถคัฟเวอร์ตลาดให้กับเราได้ และมีพลังมากกว่ากองทัพนักขาย ขณะเดียวกันออนไลน์ยังเอื้อให้สินค้าปูทางสู่ตลาดระดับโลกได้ ทำให้เราไม่มองข้ามและพัฒนาช่องทางจำหน่ายไปพร้อมกับกระแสออนไลน์”

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับฐานข้อมูลของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ อาขีพ พฤติกรรมการซื้อ สินค้าที่ชอบ ราคาที่ใช่ ฯ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำตลาดตอบสนองความต้องการให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายตัวจริงหรือเทเลอร์มากขึ้น และยังเสริมกลยุทธ์สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าหรือซีอาร์เอ็ม

“ฐานข้อมูลลูกค้าหรือดาต้าเป็นทรัพย์สินที่สำคัญมากสุดของแบรนด์ การขายสินค้าผ่านออนไลน์ ทำให้เราไได้ฐานลูกค้าใหม่ตลอด ทำให้เรารู้ว่าคนไหนคือลูกค้าเรา เพศอะไร ซื้อสินค้าอย่างไร ขอบสินค้าแบบไหน ดังนั้น การเก็บรักษาข้อมูลจึงสำคัญมาก เพราะเราสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปต่อยอดในการสื่อสารการตลาดให้โดนใจ ทำครอสเซลล์ อัพเซลล์ ทำซีอาร์เอ็มได้ เพราะไม่มีใครรู้จักลูกึ้าเราเท่ากับแบรนด์เราเอง”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์ แบรนด์ไม่ควรยึดแค่แพลตฟอร์มเดียว เพราะหากต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากสุด การกระจายความเสี่ยง เลือกสินค้าให้เหมาะสมแต่ละแพลตฟอร์มสำคัญมาก ส่วนการทำตลาดจะต้องพิจารณาเอกลักษณ์ของแต่ละแพลตฟอร์มให้ดี เพื่อทำตลาด วางกลยุทธ์ ปรับรูปแบบหรือลุคแอนด์ฟีลของร้านออนไลน์ให้เหมาะสม เพราะช่องทางออนไลน์เหมือนกัน แต่แพลตฟอร์มมีความแตกต่างกัน เช่น โซเชียลคอมเมิร์ซ พ่อค้าแม่ขายต้องมีวิทยายุทธเหมือนเล่นเกมกับลูกค้า เซ็นทรัลเจดีฯ เป็นช่องทางระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคโดยตรง ฯ เพราะหากแบรนด์ขายและทำโปรโมชั่นเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายจะไม่เซอร์ไพรซ์และเกิดความเบื่อหน่าย เป็นต้น