ชง ครม.ดันเพิ่มปริมาณใช้ยางในประเทศ

ชง ครม.ดันเพิ่มปริมาณใช้ยางในประเทศ

"จุรินทร์" ดันใช้ยางในประเทศเพิ่มหลังปีนี้ผลักดันใช้ยางในประเทศได้ 1.29 แสนตัน คิดเป็น 77.3% ของปริมาณที่ตั้งเป้าไว้ พร้อมไฟเขียวเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เรื่องความคืบหน้าผลการใช้ยางพาราของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ 2562 สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้ยางพาราภาครัฐ  โดยมีเป้าหมายการใช้ยางทั้งหมด 167,000 ตัน ได้มีการใช้นำยางสดมาใช้ 129,000 ตัน คิดเป็น 77.3 % ของเป้าหมายทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการใช้ยางพาราจากหน่วยงานภาครัฐมีประสิทธิภาพและมีปริมาณมากขึ้นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นาย จุรินทร์ ได้เสนอต่อครม. ให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเป็นตัวหลักขับเคลื่อนการปรับปรุงแผนการใช้ยางพาราในปีงบประมาณปี 2563 ใหม่

ขณะเดียวกัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่าอยู่ระหว่างรอผลการทดสอบมาตรฐานลู่วิ่งจากยางพารา ที่ส่งไปทดสอบที่ประเทศเกาหลี ซึ่งถ้าได้ผลดีก็จะมีการนำมาใช้มากขึ้น ขณะที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย โดย ได้เสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาช่วยการใช้ยางเรื่องการทำถนนลาดยางด้วย

 

นอกจากนี้ ครม.ได้เห็นชอบการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้าเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค การขายสินค้าเกษตร และเศรษฐกิจของประเทศ โดยอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเครื่องหมาย การใช้เครื่องหมาย และการแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตร ซึ่งมีสาระสำคัญคือ เพิ่มเติมการกำหนดเครื่องหมายรับรองมาตรฐานทั่วไปสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นการเฉพาะ จากเดิมที่มีแค่เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ และมาตรฐานทั่วไป

สำหรับเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ มีลักษณะเป็นรูปวงกลมขอบสีดำ พื้นสีขาว ด้านล่างมีอักษรว่า “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์” สีเขียวเข้ม ภายในมีรูปวงกลมสีเขียวอ่อนและมีภาษาอังกฤษว่า “Organic” สีเขียวเข้มอยู่เหนืออักษรภาษาอังกฤษว่า “Thailand” สีดำใต้อักษรภาษาอังกฤษมีลายเส้นสามเส้น สีแดง สีน้ำเงิน และสีแดง ตามลำดับ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯจะมีการให้ความรู้ความเข้าใจในการขอรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรแต่ละชนิด รวมถึงการใช้และการแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตรโดยเฉพาะสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถขอรับรองสินค้าเกษตรและนำเครื่องหมายไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม  โดยฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้ใดที่ไม่ได้รับใบรับรองมาตรฐานแต่นำเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรไปใช้ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 60 พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร