ศก.ไทยปี 63 ย่ำแย่ แม้เศรษฐกิจโลกอาจจะไม่แย่นัก
"พิชัย" คาดการณ์ เศรษฐกิจไทยปี 2563 ย่ำแย่ การส่งออกยังไม่ฟื้น การลงทุนภาคเอกชนอยู่ในระดับต่ำ แม้เศรษฐกิจโลกอาจจะไม่แย่นัก
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 63 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขออวยพรสวัสดีปีใหม่ 2563 แก่ทุกท่าน โดยขอคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 ว่า ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะไม่แย่นัก แต่เศรษฐกิจไทยน่าจะย่ำแย่ต่อ เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจ ดังนี้
1.การส่งออกยังมีแนวโน้มที่ย่ำแย่ การส่งออกของไทยในปีหน้า ยังคงไม่ฟื้น อย่างเก่งก็ทรงๆ เท่าปีนี้ที่ติดลบมาก หรือถ้าขยายได้ก็ไม่น่าถึง 1% โดยอาจจะมีแนวโน้มที่ติดลบได้จากอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกของไทย ที่เริ่มจะล้าสมัย และการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ยังมีน้อยมาก การลงทุนที่ลดลง และตกต่ำมาตลอด 5 ปีกว่า ส่งผลให้การส่งออกไม่ขยายตัวอีกทั้งปีหน้า ไทยจะถูกสหรัฐตัดจีเอสพีในสินค้าหลายรายการอีกด้วย ยิ่งจะทำให้การส่งออกของไทยแย่ลง
2.การลงทุนภาคเอกชน ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีการโยกย้ายการลงทุนจากประเทศจีนมายังไทยบ้าง เพื่อหนีสงครามการค้า แต่ก็ไม่น่าจะมีปริมาณมากนักและการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูง มีไม่มาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่จะทำให้เกิดคลัสเตอร์ แทบจะไม่มีเลย ในขณะที่นักลงทุนไทยยังคงลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3.การท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น แต่อาจจะไม่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงเหมือนในอดีต แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอาจจะลดลง จากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก อีกทั้งไทยยังไม่มีแนวทางที่จะส่งเสริมและชักจูงให้นักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงเข้ามาเที่ยวในไทยมากเท่าที่ควร
4.การบริโภคของประชาชนยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากรายได้ของประชาชนไม่เพิ่ม แถมยังลดลงรัฐบาล ไม่ได้ทำตามนโยบายที่จะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และผู้ใช้แรงงาน ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% เพิ่มเบี้ยคนชราเป็น 1,000 บาท ฯลฯ ตามที่สัญญาไว้ อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายอื่นที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างถาวร นอกจากการแจกเงิน
5.การใช้จ่ายภาครัฐ ยังคงมุ่งการแจกเงินเป็นหลัก มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลดำเนินอย่างล่าช้าตลอด 5 ปีกว่าแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ความสามารถในการแข่งขันของไทยจะยังคงย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง
จากการวิเคราะห์นี้ จึงเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ยังคงจะซบเซา ทั้งนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา อย่างประเทศไทยควรจะต้องมีการเจริญเติบโต 5 % เป็นอย่างต่ำ และยุทธศาสตร์ชาติก็กำหนดเช่นนั้น ซึ่งรัฐบาลสอบตกมาตลอด 5 ปีจึงทำให้เศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
นายพิชัย กล่าวว่า ปัญหาที่น่ากังวลสำหรับปีหน้าคือ 1. การว่างงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 500,000 คนจากการลงทุนที่ลดลง ทำให้การจ้างงานไม่เพิ่ม อีกทั้งยังจะมีโรงงานจำนวนมากที่จะปิดตัวเพิ่มขึ้น จากอุตสาหกรรมของไทยที่เริ่มจะล้าสมัย
2.หนี้เสียในระบบธนาคารจะเพิ่มขึ้น จากรายได้ของประชาชนที่ลดลง และจากบริษัทห้างร้านที่ธุรกิจย่ำแย่ตามภาวะเศรษฐกิจและต้องปิดตัวลง
3.ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่ตอนนี้แข็งค่าทะลุ 30 บาทแล้ว จะส่งผลต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย
4.ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ ที่ประชาชนอาจจะทนลำบากกันไม่ไหวและหมดหวังว่ารัฐบาลนี้ จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนี้ได้แล้ว