ภารกิจนิวซีอีโอ“ทีวีไดเร็ค” เป็นมากกว่าทีวีโฮมชอปปิง
ย้อนหลัง 5-6 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจ “ทีวีโฮมชอปปิง” ฝุ่นตลบมากเพราะผู้เล่นเข้ามาในตลาดต่อเนื่อง หนุนการเติบโตต่อเนื่องในอัตรา 2 หลัก มีการใช้เงินซื้อสื่อโฆษณามูลค่ามหาศาล ที่สำคัญช่วย “ต่อลมหายใจ” ให้กับอุตสาหกรรมโฆษณาและวงการทีวีดิจิทัลอย่างมาก
ทว่า ธุรกิจมีขึ้น-ลง เป็นวัฏจักร ! “ทีวีโฮมชอปปิง” ปี 2562 มูลค่าตลาดรวม 14,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 7-8% จาก 13,000 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโต “ต่ำ” เป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี จากที่ปกติเคยโต 20-30% มาตลอด
มุมมองจากซีอีโอใหม่ถอดด้าม ธนะบุล มัทธุรนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด(มหาชน)หรือ TVD เบอร์ 1 ทีวีโฮมชอปปิง มีส่วนแบ่งการตลาดรวม(คอร์ปอเรทแชร์) 30%(ทีวีไดเร็ค 21% ทีวีดีโมโม่ 8%) ระบุว่า เหตุผลที่ฉุดการโตธุรกิจทีวีโฮมชอปปิงมาจาก 7 ช่องทีวีดิจิทัลหายไปปีที่แล้วจากการคืนไลเซ่นส์ ทำให้สล็อตเวลาในการฉายรายการซ้ำๆสะกดจิตผู้บริโภคให้คล้อยตามและควักเงินซื้อสินค้าลดลง
ธนะบุล ยังคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจทีวีโฮมชอปปิงในปี 2563 ว่าจะโตเพียง 3-5% เพราะปัจจัยลบยังมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลก ลามเศรษฐกิจไทย กำลังซื้อที่ชะลอตัว การขับเคลื่อนธุรกิจจึงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์รายรอบ
“เราเฝ้าระวังสถานการณ์และปัจจัยลบต่างๆทุกวัน” เขาบอกและเล่าแผนธุรกิจใต้หมวก “ซีอีโอใหม่” ว่า ต้องการสร้างแพลตฟอร์มให้ทีวีไดเร็คเป็นที่ขายสินค้าและบริการทุกอย่าง รองรับความต้องการของ “ผู้บริโภค” ถึงขั้นที่ “ถ้าคิดอะไรไม่ออก..ผมอยากให้ผู้บริโภคนึกถึงทีวีไดเร็ค”
ทั้งนี้เพื่อหนุนเป้าหมายดังกล่าว หนึ่งในการมีแพลตฟอร์มธุรกิจ คือการเป็น “เจ้าของช่องทีวีดิจิทัล” โดยเบื้องต้นมีการเจรจากับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ออกอาการ “ไม่ไหว” บนสังเวียนจอแก้วและอยากยุติบทบาท ส่วนรายละเอียดยังไม่ลงลึก เนื่องจากคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด)ยังไม่ให้นโยบายใดๆออกมา แต่บริษัท “เปิดกว้าง” ทุกโอกาส แต่ความต้องการคือเป็น “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ในทีวีช่องนั้นๆ
เขายังบอกด้วยว่า “ออนไลน์” เป็นอีกแพลตฟอร์มที่บริษัทต้องขยายตลาด เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ อายุต่ำกว่า 30 ปี ชอบชอปปิงผ่านช่องทางดังกล่าว ส่วนทีวีโฮมชอปปิงที่เป็นธุรกิจหลัก ยังตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายวัย 30-40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นสัดส่วนลูกค้า 80-90% จากฐานลูกค้ากว่า 6 ล้านคน
“ทราบมาว่ามีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 2-3 รายที่ไม่ไหว และหากเราจะเข้าไปก็อยากถือหุ้นใหญ่ การให้น้ำหนักขยายช่องทางทีวี เพราะเป็นธุรกิจหลักของเราทำรายได้สูงสุด และกลุ่มเป้าหมายเราเป็นคนที่ดูทีวี แอ๊คทีพในการซื้อสินค้าเฉลี่ย 1.5-1.6 ครั้งต่อปี”
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งขยายไลน์สินค้าสู่ “ธุรกิจบริการ” มากขึ้น ขณะนี้กำลังศึกษา “แพ็คเกจโรงแรมที่พัก” เพื่อนำเสนอผ่านทีวีโฮมชอปปิง เพราะคาดการณ์ว่าสถานการณ์ห้องพักจะเหลือเพื่อให้บริษัทช่วยกระตุ้นทำตลาด จากปัจจุบันสินค้าหลักจะเป็นเครื่องออกกำลังกาย แฟชั่น สินค้าความงาม และเครื่องใช้ในครัวเรือน
สำหรับการจัดแพ็คเกจโรงแรมที่พัก ค่าย “29 ช้อปปิ้ง” ของทีวีดิจิทัล โมโน 29 ได้ทำออกสู่ตลาดแล้ว
บริษัทจะเพิ่มรายการสินค้าผ่านช่องทางหน้าร้านหรือรีเทลที่มีราว 30 สาขา ให้ผู้บริโภคเห็นสินค้า 2,000-3,000 รายการ จาก 200-300 รายการ และเพิ่มประสบการณ์ชอปปิงให้มากขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องทำในปี 2563 คือการ “ปรับโครงสร้าง” การทำงานใหม่ ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนลง โดยเฉพาะในส่วนของการปฏิบัติงานหรือ Operation นำซอฟท์แวร์มาใช้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผลลัพธ์ที่เกิดตามมายังช่วย “ลดต้นทุน” ให้ต่ำลง ซึ่ง ธนะบุล ตั้งเป้าไว้ 5-10%
แนวทางนี้เมีความอ่อนไหว เพราะจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านการ “ลดคน” จากปัจจุบันทีวีไดเร็คมีพนักงาน 1,044 คน จากทั้งกรุ๊ป 1,400 คน แต่ขณะเดียวกันได้ “เพิ่มคน” ในส่วนที่เป็นธุรกิจและบริการคอลเซ็นเตอร์ 150 คน และต้องรับเพิ่มอีก เพื่อโทร.หาลูกค้า 6 ล้านราย กระตุ้นการขายการและบริการหลังการขาย เป็นต้น
“ที่สำคัญไม่แพ้การหารายได้ คือการปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ นำระบบมาใช้มากขึ้น ซึ่งอาจต้องลดพนักงานโอเปอเรชั่น และโยกคนไปทำงานในตำแหน่งที่เหมาะสมแทน”
ธนะบุล กล่าวอีกว่า โจทย์ใหญ่ที่บอร์ดบริษัทมอบให้กับตำแหน่งซีอีโอ คือต้องการเห็น “ยอดขาย” และ “กำไร” เติบโตดีกว่า ปี 2562 ตั้งเป้าไว้ที่ 4,450 ล้านบาท และความท้าทายของปีนี้คือการขยายธุรกิจใน 4 ช่องทาง ทั้งทีวี คอลเซ็นเตอร์ เพราะเป็นธุรกิจหลักดั้งเดิมทำมา 20 ปี มุ่งออนไลน์มาขึ้น รวมถึงหาทางเพิ่มรายการสินค้าหรือเอสเคยู ผ่านช่องทางรีเทลมากขึ้น
“ดิสรัปชั่นไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยี แต่เกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และเทคโนโลยีทำให้เราเคลื่อนธุรกิจออนไลน์เร็วขึ้น ซึ่งบอร์ดให้ความสำคัญมาก เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้ทุกที่ทุกเวลา การรุกออนไลน์เราตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้เป็น 20% จาก 10% คอลเซ็นเตอร์ 20% และทีวีโฮมชอปปิง 70%”