'พราวพุธ' 10 ปี นักอสังหาฯ สลัดภาพทายาทนักการเมือง สู่ 'มืออาชีพ'
แม้จะแจ้งเกิดโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท และบลูพอร์ต หัวหิน ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการหรูหราอย่าง “พราวพุธ ลิปตพัลลภ” ในวัย 23 ปีในขณะนั้น คนทั่วไปยังมองเธอในฐานะ “ทายาทนักการเมือง”แนวหน้าของเมืองไทย “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” มากกว่านักอสังหาฯ
แม้จะเริ่มต้นเข้าสู่อาชีพนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารที่ลอนดอน บิซิเนส สคูล ก่อนจะไปหาประสบการณ์ทำงาน ในองค์กรวางกลยุทธ์ธุรกิจระดับโลก แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี อิงค์ ไทยแลนด์ จนกระทั่งเข้าสู่วงการอสังหาฯ มีโอกาสทำงานกับนักธุรกิจระดับไอคอนของเมืองไทย อย่าง ศุภลักษณ์ อัมพุช แห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป พัฒนาโครงการค้ารีสอร์ท ชอปปิง “บลูพอร์ท” หัวหิน มูลค่า 5,000 ล้านบาท รวมถึง ร่วมงานกับ ธงชัย บุศราพันธ์ ที่ปัจจุบันกลับมาเป็นผู้บริหาร บมจ.โนเบิล หลังจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางกรุง สุขุมวิท 24 โครงการ พาร์ค 24 (PARK24) จนขายให้กับบมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และมีกำไร กลับมาซื้อหุ้นคืน
นั่นคือประสบการณ์ที่มีค่าในการทำงานร่วมกับนักอสังหาฯมืออาชีพ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เธอยังพัฒนาโครงการขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ ได้แก่ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน, ทรู อารีน่า หัวหิน, สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน
วันนี้ พราวพุธ ในวัยขึ้นเลข 3 จึงไม่ใช่เพียงมือสมัครเล่นอีกต่อไป ตามเป้าหมายยังต้องการปักธงธุรกิจก้าวขึ้นไปยืน“แถวหน้า”บริษัทอสังหาฯในไทย
เพราะมีคุณย่า (จรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ) เป็นที่ปรึกษาและต้นแบบ (Role Model) แม้พ่อ จะเป็นนักการเมือง แต่เธอขอเลือกเส้นทาง "นักพัฒนาอสังหา”
“ทำธุรกิจเพราะอยากทำ ทุกคนในบ้านฝั่งคุณย่าก็เลี้ยงลูกมาให้ขยันทำมาหากิน ไม่ใช่ครอบครัวมีฐานะไม่ต้องทำอะไร เมื่อได้เรียนรู้กับกูรูทั้งด้านค้าปลีกและคอนโด ตั้งแต่อายุ 23 แม้จะไม่รู้ทุกอย่าง แต่ภูมิใจในผลงานที่ผ่านมาทุกโครงการซึ่งเป็นที่พูดถึง ประสบการณ์ 10 ปี สิ่งที่ไม่รู้ก็ได้เรียนรู้จากพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น ค้าปลีกจากคุณศุภลักษณ์ และด้านโรงแรมระดับโลก กับ IHG(Inter Continental Hotel Group)"
โดยในปี 2562 ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” โดยพราวพุธได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากเดิมที่เติบโตมากับธุรกิจโรงแรม และสวนน้ำ ภายใต้กลุ่มธุรกิจ พราว กรุ๊ป ที่เป็นขาสร้างการเติบโตจากการมีรายได้ประจำ (Recurring Income) โตช้าแต่มีรายได้ระยะยาว รุกไปสู่ “ธุรกิจที่พักอาศัย” ภายใต้ บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ภายหลังจากเข้าไปซื้อหุ้นใหญ่บมจ.โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น พร้อมกับใส่เกียร์เดินหน้ารุกธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (Resident) โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการมูลค่า 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี (ปี 2562-2566)
“หลังจากเข้าไปเริ่มต้นธุรกิจโรงแรม สวนน้ำ ในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนท์แล้ว ก็ขยายไปสู่ฝั่งเรสซิเดนท์ เพื่อทำให้แบรนด์พราว เป็นที่จดจำ โดยใช้กลยุทธ์ ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต (Integrated Lifestyle) ทั้งโรงแรม ค้าปลีก และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นเพราะบางคนทำค้าปลีก ก็ค้าปลีกอย่างเดียว บางคนทำเรสซิเดนท์ก็ทำอย่างเดียว แต่พราวจะรวมทุกอย่างให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์” พราวพุธ เล่ากลยุทธ์
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้ พราว เรียลเอสเตท ประมาณปีละ 1-3 โครงการ โดยจะมีอีกขาธุรกิจพราว กรุ๊ป เข้าไปเสริม โครงการที่พักอาศัยโครงการแรก ที่เปิดตัวไปปลายปี 2562 คือ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน (Inter Continental Residences Hua Hin) มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท โครงการที่พักอาศัยลักชัวรีที่ซื้อที่ดินทุบสถิติแพงที่สุดในหัวหิน ในราคา 150 ล้านบาทต่อไร่ และราคาขายแพงที่สุดในหัวหิน 200,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.)
แนวคิดของที่พักอาศัยใช้แบรนด์ระดับโลกบริหารเพื่อเพิ่มมูลค่า ดึงดูดความสนใจผู้ซื้อ ถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตจากที่พักอาศัยแข่งขันรุนแรง ซึ่งพราว ดึงแบรนด์IHG มาเป็นพันธมิตรธุรกิจเข้ามาบริหารธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งแบรนด์IHG มีอยู่เพียง 8 แห่งทั่วโลก โดยหัวหินถือเป็นแห่งที่ 9
นอกจากนี้ ยังเพิ่งเปิดตัว โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เนื้อที่ 23 ไร่ บนหาดกมลา และจะเปิดตัวโครงการเรสซิเดนท์ หัวหิน ซึ่งยังไม่มีชื่อพื้นที่เดียวกับ สวนน้ำวานา นาวา และโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ รวมถึงอยู่ระหว่างการดีลที่ดินในจ.ภูเก็ต เพื่อพัฒนาโครงการ
ในปี 2564 ยังมีเป้าหมายพัฒนาโครงการ “อันดามันดา” โครงการการมิกซ์ยูส ที่อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นโมเดลเดียวกันกับหัวหิน คือหลอมรวมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งที่พักโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ สวนน้ำ วานา นาวา และความบันเทิง (integrated entertainment and resort destination) ที่จะมีสวนน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในไทย รวมถึงศูนย์การค้า มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท
พราวพุธ ยังเล่าถึงการเคลื่อนฐานที่มั่นลงทุนจากหัวหินสู่ภูเก็ต เพราะมองว่าเป็นอีกสมรภูมิรบที่เข้มแข็ง เป็นอีกศูนย์กลางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศ
“เราเชื่อมั่นในศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศ หัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีพื้นที่การพัฒนาโครงการจำกัด ดังนั้นซัพพลายลักชัวรี่จึงมีน้อย ขณะที่ภูเก็ต แม้ช่วงนี้จะชะลอตัว แต่ก็ยังเป็นโอกาสในการลงทุนก่อนที่ตลาดจะกลับมาคึกคัก”
เธอ ยังบอกว่ากรุงเทพฯก็ยังเป็นทำเลที่น่าสนใจ หลังจากปักธงโครงการแรก พาร์ค 24 ไปแล้วก็ยังมองหาโอกาสใหม่ๆเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะมีจังหวะเข้าไปปิดดีลที่ดินสวยๆ อย่างเช่นที่เกิดดีลในหัวหินและภูเก็ต หรือไม่
“เริ่มจากหัวหิน ภูเก็ต ด้วยความถนัด ส่วนกรุงเทพฯ เคยทำพาร์ค 24 ตอนนี้ราคาที่ดินในกรุงเทพฯยังสูง วาละ 2 ล้านบาท แม้จะถนัดลักชัวรี่ แต่ราคาที่ดินแตกต่างกันกับหัวหิน และในหัวหินซัพพลายยังน้อย”
พราวพุธ ฝากถึงรัฐบาลเกี่ยวกับกฎหมายด้านที่พักอาศัยและโรงแรม โดยเธอเห็นว่า หากปลดล็อกให้ที่พักอาศัยหรือคอนโดมิเนียมสามารถเปิดให้บริการในลักษณะเดียวกับโรงแรม(คอนโดเทล)ปล่อยเช่ารายวันได้ จะทำให้คอนโดที่มีซัพพลายล้น มีช่องทางการพัฒนาทางเลือกธุรกิจ เป็นการพัฒนานวัตกรรม(Innovation) ใหม่ๆ ให้กับตลาดที่พักอาศัย
“ต้องดูให้แฟร์กับทุกฝ่ายมีทั้งคนต้าน และคนสนับสนุน เพราะผู้ประกอบการโรงแรม มีต้นทุนสูงกว่าคอนโด ดังนั้นควรมีมาตรการฐานชัดเจนถึงการปล่อยเช่ารายวัน ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย”