'38แอร์ไลน์' ขนทัวริสต์จีนมาไทย รั้งที่ 2 รองญี่ปุ่น 'เที่ยวตรุษจีน'..!!
แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางต่างแดนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี2563ยังคงเติบโตดี China Outbound Tourism Research Institute (COTRI)
คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศราว 7 ล้านทริป เพิ่มขึ้น 11%เมื่อเทียบกับช่วงตรุษจีนของปีที่แล้วซึ่งมี 6.3 ล้านทริป
ด้านรายงานการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 ของบริษัทCtrip (Trip.com) บริษัทนำเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ระบุว่าช่วงโกลเด้นวีควันหยุดตรุษจีน7วัน ตั้งแต่วันที่24-30ม.ค.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางทั้งในและต่างประเทศรวมราว400ล้านทริป ทำการจองไปยัง419เมือง ในมากกว่า100ประเทศทั่วโลก!
โดยกว่า62% จองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์Trip.com ในขณะที่38%เลือกจองผ่านตัวแทนบริษัทนำเที่ยวแบบออฟไลน์ซึ่งตั้งอยู่กว่า7,000ร้านทั่วโลก อาทิ Ctrip Travel, Travel Best, Qunarเป็นต้น ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจีนเกือบครึ่งหนึ่งที่ทำการจองผ่าน Ctrip เพื่อไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงตรุษจีนนี้เป็นกลุ่มครอบครัว49%รองลงมาคือกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน19%กลุ่มคู่รัก13%กลุ่มพาพ่อแม่ไปเที่ยว11%และกลุ่มเดินทางคนเดียว8%
สำหรับ 20 เมืองต้นทางของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุดในช่วงตรุษจีนปี2563พบว่า4อันดับแรกยังคงเป็นเมืองหลักหรือFirst-tier Citiesได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กว่างโจว และเซินเจิ้น ส่วนเมืองที่เหลือส่วนใหญ่เป็นNew First-tier Cities อาทิ หนานจิง หางโจว เฉิงตู เทียนจิน อู่ฮั่น และฉงชิ่ง จากรายงานยังพบด้วยว่า มีแนวโน้มจองไปยังแหล่งท่องเที่ยวระยะไกลมากขึ้นด้วย
โดยจุดหมายท่องเที่ยวระยะใกล้ยอดนิยมในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้“ประเทศไทย” ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่2เป็นรองเพียง “ญี่ปุ่น”โดยปัจจัยหลักที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนไปญี่ปุ่นได้อย่างมากคือ การเริ่มใช้E-visaสำหรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2562 เป็นต้นมา และนักท่องเที่ยวจีนยังนิยมที่จะเฉลิมฉลองวันตรุษจีนในแหล่งท่องเที่ยวที่มีหิมะและการแช่บ่อน้ำร้อน
ขณะที่จุดหมายท่องเที่ยวระยะไกลยอดนิยม พบว่าประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนจองสูงสุดเป็นอันดับ1และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวม้ามืดในปีนี้คือ“ออสเตรเลีย” รองลงมาคือสหรัฐ อิตาลี นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนของฝั่งประเทศไทย คือการขยายเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA) ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ19ประเทศ (รวมจีน) ไปจนถึงวันที่30เม.ย.2563
ด้านจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด รวมเที่ยวบินประจำ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) และเที่ยวบินพิเศษ พบว่ามีจำนวนมากจาก38สายการบิน57เมืองในประเทศจีนเข้าไทยในช่วง7วันดังกล่าวเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวทั้งหลักและรองของไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีโดยอัตราการขยายตัวของจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น2.1%เป็นประมาณ1,500เที่ยวบิน และอัตราการขยายตัวของจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้น3.5%เป็นประมาณ3แสนที่นั่ง
เฉพาะเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์และเที่ยวบินพิเศษจากตลาดจีนเข้าไทยช่วงนี้ มีจำนวนกว่า309เที่ยวบิน คิดเป็น60,334ที่นั่ง มาจากทั้งหมด27เมืองในจีน เข้าสู่สนามบินทั้ง7แห่งของไทย คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต กระบี่ เชียงราย เชียงใหม่ และหาดใหญ่
“ททท.จึงคาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศทั้งหมด 1,016,000 คน เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 21,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเจาะเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน คาดว่าจะเดินทางเข้าไทยประมาณ 312,000 คน เพิ่มขึ้น 2% สร้างรายได้ 8,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%”
ในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากตลาดจีนช่วงตรุษจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราการเติบโตที่ไม่สูงมากนัก แม้ว่าจะมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นจากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อช่วงกลางปี2561ที่ผ่านมา แต่ตลาดจีนยังต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจากประเด็นสงครามการค้ากับสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่า ในขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกไปแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากว่า
ด้านแจสเปอร์ ปาล์มควิส ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เอสทีอาร์ (STR)กล่าวว่า ภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนเยือนไทยปีนี้จะชะลอการเติบโต แต่สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับไทยเท่านั้น แต่รวมถึงนิวซีแลนด์และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ประกอบกับรัฐบาลจีนได้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงการจับจ่ายและเดินทางท่องเที่ยวให้อยู่ภายในประเทศจีนมากขึ้น
ผู้ประกอบการโรงแรมไทยจึงจำเป็นต้องเร่ง “กระจายความหลากหลาย” ของกลุ่มลูกค้า จากเดิมเคยให้น้ำหนักกับนักท่องเที่ยวจีนมากๆ อาจจะต้องมองไปยังตลาดอื่นๆ ที่มีการเติบโตดี เช่น อินเดีย ซึ่งมีอัตราการขยายตัวสูงกว่า20%รวมถึงตลาดอื่นๆ อย่างญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐ สามารถช่วยชดเชยตลาดจีนที่ไม่ได้เติบโตอย่างร้อนแรงเหมือนเมื่อก่อน