LPH - ถือ

LPH - ถือ

บริการ SSO จะขับเคลื่อนกำไรในปี 2563

Event

มุมมองต่อบริษัท และประมาณการ 4Q62

lmpact

ผลประกอบการ 4Q62 มีแนวโน้มแข็งแกร่ง แม้ถูกกระทบจากประเด็นการจ่ายค่า HCC

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ LPH ใน 4Q62 จะอยู่ที่ 30 ล้านบาท (+80.9% YoY, +16.6% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จะมาจาก i) รายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY จากผู้ป่วยที่ชำระเงินสด และบริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ และ ii) ผลกระทบการตั้ง provision จาก HCC ในงวด 3Q62 (จากเหตุการณ์งวด 4Q61) โดยกำไรสุทธิใน 4Q62 จะคิดเป็น 29.4% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ของเราที่ 102 ล้านบาท เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ LPH ใน 4Q19 จะอยู่ที่ 20.0% ลดลงจาก 22.3% ใน 4Q61 และ 25.0% ใน 3Q62 เนื่องจาก SSO ประกาศว่าจะลดการจ่าย HCC ใน 4Q62 ลงเหลือ 7,100 บาท (จากเดิม 12,800 บาท) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ HCC ของบริษัท 20 ล้านบาท ใน 4Q62 ทั้งนี้ รายได้จาก SSO ของ LPH คิดเป็นประมาณ 38% ของรายได้โรงพยาบาลทั้งหมดในงวด 9M62 โดยผลการดำเนินงานหลักของบริษัทยังแกร่ง แม้รายได้ HCC จะน้อยลง และถูกกระทบจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

SSO ปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาล

ในที่สุด คณะกรรกมร SSO ก็อนุมัติให้ปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลประกันสังคมปี 2563 สำหรับ i) ค่ารักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานรายหัวอีก 140 บาท/ราย เป็น 1,640 บาท (+9.3% จาก 1,500 บาทในปี 2562) ii)“High Cost Care” (HCC) เป็น 746 บาท/ราย/ปี (+16.6%) และ iii) โรงเรื้อรัง 26 โรคเป็น 453 บาท/ราย/ปี (+1.3%) ซึ่งเท่ากับมีการปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลหลักสามรายการ 9.7% เป็น 2,839 บาท (จากเดิมที่ 2,587 บาท) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ช่วยหนุนแนวโน้มกำไรของ LPH ปี 2563 เนื่องจากเราคาดว่าสัดส่วนรายได้จากบริการประกันสังคมของ LPH จะอยู่ที่ 38% ของรายได้จากโรงพยาบาลของบริษัท  นอกจากเนี้ เรายังเชื่อว่าผลกระทบจากการรักษาพยาบาล HCC ในอีกสองสามปีข้างหน้าจะลดลงเมื่อเทียบกับสามปีที่ผ่านมา

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้นอีก 5% เป็น 142 ล้านบาท (+38.7% YoY) เนื่องจาก i) ปรับเพิ่มประมาณการรายได้แบบตายตัวของบริการ SSO ii) คงประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นเอาไว้ที่24.5% iii) คุมสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายเอาไว้ได้ดีที่ 14.5% และ iv) ไม่มีรายการพิเศษในปี 2563

Valuation & Action

หลังจากที่เราปรับประมาณการกำไรของ LPH แล้วทำให้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 5.70 บาท (ใช้ WACC ที่ 8% และ TG ที่ 3.0%) จากเดิม 5.45 บาท ทั้งนี้ เรายังไม่ได้รวมบางโครงการเข้าไว้ในประมาณการของเรา (เช่น บริการดูแลผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลลำลูกกา) เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในเบื้องต้น เราคาดว่าโครงการเหล่านี้จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นปีละ 8% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นปีละ 10% ในระยะยาว โดยเรายังคงคำแนะนำ ถือ

Risks

การแทรกแซงของรัฐบาล, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองของไทยรอบใหม่, เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่