บิ๊ก WHA ลุยซื้อหุ้น ชี้ราคาร่วงสวนพื้นฐาน
ประธานบอร์ด 'ดับบลิวเอชเอ' เก็บหุ้นเพิ่ม 26.36 ล้านหุ้น รวมมูลค่ากว่า 84 ล้าน หลังพบราคาหุ้นร่วงต่ำกว่าพื้นฐาน สวนทางผลดำเนินงาน แย้มปีนี้รายได้โตเกิน2 หลัก ผลจากธุรกิจยอดขายพุ่ง
ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุ นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ซื้อหุ้น WHA เมื่อวันที่ 21-22 ม.ค. รวม 26.36 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 84.75 ล้านบาท
นางสาวจรีพร กล่าวว่า สาเหตุการเข้าซื้อหุ้น เนื่องจาก มองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมากเกินไป และทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เพราะภาวะตลาดโดยรวมไม่ดี แต่ผลการดำเนินงานของบริษัททิศทางเติบโตต่อเนื่องทุกปี จึงมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมานั้นเป็นโอกาสดีเข้าซื้อ หลังจากที่ไม่ได้เข้าซื้อหุ้นมา 3 ปีแล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2563 คาดว่าจะเติบโตเกิน 2 หลัก เนื่องจาก ทุกธุรกิจของบริษัทมีการเติบโต เช่น ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มีลูกค้าต่างประเทศติดต่อเข้ามาซื้อที่ดินต่อเนื่อง เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้เริ่มเข้ามาติดต่อ
ขณะธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Logistics) คาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 2 แสนตารางเมตร เพราะ ลูกค้าอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ เลื่อนมาเช่าคลังสินค้า เฟส 2 ในปีนี้ จากเดิมที่จะเข้ามาเช่าในปี2564 และมีลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ ,อาหาร, รับเหมาก่อสร้าง ฯลฯเข้ามาเช่าคลังต่อเนื่อง และธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน (Utilities & Power Hub) มีลูกค้ามีการใช้น้ำและไฟฟ้าเติบโต
ส่วนรายได้ปี 2562 คาดว่าจะปรับตัวลดลงต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 70 % จากปี 2561 เพราะ ยอดโอนที่ดินต่ำเป้า เพราะ ลูกค้ามีการเลื่อนโอนมาในปี 2563 แทน ที่ลูกค้าอีคอมเมิร์ซ จากจีน จำนวน 1.3 แสนตารางเมตร ที่ยังไม่สามารถรับรู้รายได้ เพราะ ลูกค้าติดปัญหาเรื่องเอกสารกับหน่วยงานภาครัฐ แต่ลูกค้าดังกล่าวยังคงยืนยันซื้อที่ดิน คาดว่าจะได้ข่าวดีในเร็วๆ หลังจากที่ผ่านมาได้ส่งมอบอาคารให้เช่ากับลูกค้ารายดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
นางสาวจรีพร กล่าวว่า แผนการลงทุน5 ปี (2563-2565) กว่า 5 หมื่นล้านบาท เน้น 3 ธุรกิจ นิคมอุตสาหกรรม ,Logistics ,Utilities & Power โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และ การออกหุ้นกู้ ไม่มีการเพิ่มทุนแน่นอน
"รายได้ปี 2562 ของบริษัทแม้จะมีการเติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ยังมีการเติบโตหลายเปอร์เซ็นต์ ขณะที่รายได้ปี 2563 เติบโตเกิน 2 หลัก จากทุกธุรกิจมียอดขายที่เพิ่มขึ้น "