จับตาสหรัฐตัดจีเอสพีอีกรอบ

จับตาสหรัฐตัดจีเอสพีอีกรอบ

พาณิชย์เผย 30 ม.ค.นี้"ยูเอสทีอาร์"เปิดรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องปมตัดจีเอสพีสินค้าไทยรอบใหม่ หลังผู้ผลิตสุกรมะกันร้องให้ตัดสิทธิมาหลายปี เพราะไทยไม่นำเข้าหมูมีสารเร่งเนื้อแดง

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องกรณีที่ยูเอสทีอาร์ อยู่ระหว่างพิจารณาตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทย หลังจากสมาพันธ์ผู้ผลิตสุกรแห่งชาติสหรัฐฯได้ยื่นเรื่องให้ยูเอสทีอาร์ตัดสิทธิไทยมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างไทยไม่เปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีน ซึ่งการเปิดตลาดเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่สหรัฐฯใช้พิจารณาจะให้สิทธิ หรือตัดสิทธิ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย อย่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ จะเดินทางไปร่วมรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวด้วย

”ที่ผ่านมา ไทยได้ยื่นคำร้องให้ยูเอสทีอาร์พิจารณาไม่ตัดสิทธิไทย เพราะการที่ยังไม่เปิดตลาดหมู เนื่องจากยังเกรงอันตรายกับผู้บริโภค ที่สำคัญ ในไทยห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงโดยเด็ดขาด ดังนั้น จึงต้องรอให้ทราบผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมกันจัดทำก่อนว่าการบริโภคหมูมีสารเร่งเนื้อแดง จะเป็นอันตรายหรือไม่ อย่างไร จึงจะพิจารณาในเรื่องนี้ ซึ่งทราบว่า ขณะนี้ ทำเสร็จแล้ว และวันที่ 30 ม.ค.นี้ ผู้แทนกระทรวงเกษตรฯจะเดินทางไปชี้แจงเรื่องนี้กับยูเอสทีอาร์”

ทั้งนี้ ตามกำหนดการ หลังจากประชาพิจารณ์ไปแล้ว ยูเอสทีอาร์ จะประกาศผลปลายเดือนก.พ.นี้ หากตัดจีเอสพีทันที ฝ่ายไทยคงไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ แต่หากประกาศจะตัดสิทธิในอีก 3 เดือน หรือ 6 เดือน ไทยยังพอมีเวลาหารือกับสหรัฐฯ เพื่อขอคืนสิทธิได้ โดยปัจจุบัน ยังมีสินค้าอีกประมาณ 3,000 รายการที่ยังคงได้รับสิทธิจากสหรัฐฯ ซึ่งไม่รวม 573 รายการ ที่จะถูกตัดสิทธิเดือนเม.ย.นี้ แต่ทั้ง 573 รายการ จะถูกตัดสิทธิทั้งหมด หรือจะได้รับการคืนสิทธิบางส่วน ยูเอสทีอาร์จะประกาศผลวันที่ 25 เม.ย.นี้ หลังจากไทยพยายามเจรจาขอคืนสิทธิในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการช่วยเหลือ และบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ส่งออกไว้แล้ว

สำหรับการประชาพิจารณ์ วันที่ 30 ม.ค.นี้  เป็นการทบทวนการให้จีเอสพีเป็นรายประเทศ และพิจารณาตามที่ผู้ผลิตสุกรของสหรัฐฯได้ยื่นคำร้องไว้ โดยอ้างไทยยังไม่เปิดตลาดนำเข้าหมูจากสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ เรียกร้องมาหลายปีแล้ว สาเหตุที่ไทยยังไม่เปิดตลาด เพราะในไทยมีกฎหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยง และยังมีกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขห้ามพบการปนเปื้อนในอาหารที่วางจำหน่าย หากไทยเปิดนำเข้า อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อีกทั้งยังต้องแก้ไขกฎหมายของทั้ง 2 หน่วยงานด้วย ดังนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจึงได้ตั้งคณะทำงานเพื่อทดสอบทางวิทยาศาสตร์ว่า การบริโภคหมูมีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างตามปริมาณที่โครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (โคเดกซ์) กำหนดจะเป็นอันตายหรือไม่ เมื่อได้ผลแล้ว ไทยจึงจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมา ยูเอสทีอาร์ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องกรณีดังกล่าวไปแล้ว แต่ยังไม่ประกาศผลการพิจารณา และมาเปิดรับฟังซ้ำอีกครั้งวันที่ 30 ม.ค.นี้ โดยต้องจับตาดูว่า ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ จะออกมาอย่างไร จะเป็นอันตรายกับผู้บริโภคหรือไม่ อย่างไร โดยหากพบว่า ไม่เป็นอันตราย ไทยอาจต้องนำเข้าหมูที่มีแรคโตพามีนตกค้าง และไทยอาจไม่ถูกตัดจีเอสพีในสินค้าที่เหลือ แต่อุตสาหกรรมหมูของไทยอาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม การจะเปิดตลาดหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของรัฐบาล ส่วนหากพบว่าเป็นอันตราย จะทำให้ไทยปฏิเสธการนำเข้าได้ แต่จะถูกตัดจีเอสพีหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของสหรัฐฯ