พบยาต้านไวรัส

พบยาต้านไวรัส

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากธนาคารกลางจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในประเทศยังได้ผลบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. อีก 0.25% มาที่ 1.00% ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,534.14 จุด (+14.76 จุด) Volume 6.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ -3,628.18 ลบ. TFEX Net  +10,841 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 483.22 จุด +1.68% ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี และรายงานข่าวว่านักวิทยาศาสตร์ของจีนและอังกฤษสามารถคิดค้นยาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 1.14 ดอลลาร์ +2.3% ปิดที่ 50.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา และปัจจัยหนุนจากการที่นักวิทยาศาสตร์ของจีนและอังกฤษสามารถคิดค้นยาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนา

+ ตัวเลขศก.สหรัฐในเดือนม.ค.ที่ออกมาดี ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐสูงสุดรอบ 10 เดือน ดัชนีภาคบริการสหรัฐสูงสุดรอบ 5 เดือน ปี 62 สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 1.7% ลดลงครั้งแรกในรอบ 3 ปี รวมทั้งขาดดุลการค้ากับจีนลดลง 17.6%

+ปธน. ทรัมป์รอดพ้นจากการถูกถอดถอนหลังจากวุฒิสภาสหรัฐลงมติคัดค้าน และประกาศให้พ้นข้อกล่าวหา +กนง.มีมติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาสู่ระดับ 1% ต่ำกว่า 1.25% เป็นครั้งแรก

-กกร.ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เหลือโต 2.0-2.5% จากเดิมคาด 2.5-3.0% รับผลกระทบไวรัสโคโรนา

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 20,224.12 ลบ. ค่าเงินบาท 30.99 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเป็นวันที่ 3 หลังมีรายงานข่าวว่านักวิทยาศาสตร์จีนและอังกฤษสามารถคิดค้นยาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกอบกับแรงหนุนจากวุฒิสภาสหรัฐลงมติคัดค้านการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,525-1,550 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (BH BCH BDMS TM PHOL)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (TU CPF)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากไข้หวัดนกระบาดในมลฑลหูหนาน (TU CPF TFG)
  • รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว (AAV AOT MINT ERW)

หุ้นรายงานพิเศษ

GLOCON | Analyst Meeting “มุมมองบวก

  • (+) มองข้ามไปปี 63 ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะ Turnaround ภายหลังจากงวด 9M62 บริษัทมีผลขาดทุนลดลงเหลือเพียง 38 ลบ. จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนถึง 122 ลบ. ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ขณะที่ Key Driver ปี 63 จะมาจากธุรกิจใหม่ Dried Fruits ทำธุรกิจส่งออกผลไม้อบแห้ง โดยมีฐานกลุ่มลูกค้าในแถบยุโรป และมีแผนขยายไปยังประเทศจีนและกลุ่ม CLMV โดยบริษัทเพิ่งซื้อกิจการดังกล่าวมาเมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งใช้เงินทุนราว 74 ลบ. (คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 51%) โดยบริษัทคาดว่าจะสร้างรายได้ on top จากเดิมอีกราว 600 ลบ. และเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 25% เทียบกับธุรกิจเดิมซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 20% นอกจากนี้ ผลประกอบการปี 63 ยังได้ผลบวกจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากบริษัทย่อย The Angle Global ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงาม ทั้งนี้ปี 63 บริษัทคาดรายได้ราว 2 พันลบ. +88%YoY

หุ้นมีข่าว   

(+) PTTEP (Bloomberg Consensus 142.68) เตรียมเดินหน้าโครงการนำก๊าซธรรมชาติจากแหล่งปิโตรเลียมต่อยอดผลิตไฟฟ้า หรือโรงไฟฟ้า Gas to Power ในเมียนมาภายในปีนี้ ขณะที่ GPSC เร่งเจรจาลูกค้า วางแผนรับมือดีมานด์ใช้ไฟฟ้าลดช่วงไวรัสโคโรนาระบาด (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) IVL (Bloomberg Consensus 38.58) เปิดแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์ช่วงปี 2563-2566 มุ่งสร้างผลตอบแทนต่อเงินทุนดำเนินงานในอัตราสองหลัก กระแสเงินสดที่แข็งแกร่งในทุกช่วงของวัฏจักร ด้านโบรกยังเชียร์ซื้อ เคาะราคาเป้าหมาย 45 บาท พร้อมคงประมาณการกำไรปี 2563 ที่ 18,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% จากปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GPSC (Bloomberg Consensus 86.50) เผยความคืบหน้าตั้งโรงงานแบตเตอรี่ ได้ข้อสรุปวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ แย้มแผนศึกษาลงทุนโครงการใหม่ในอาเซียน-เอเชียตะวันตก ทั้งพลังงานทดแทนและก๊าซธรรมชาติ เดินหน้าจ่ายไฟฟ้าโครงการนวนคร ส่วนโครงการ Gas to Power ในเมียนมา คาดชัดเจนและก่อสร้างภายในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(-) KBANK (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 161.56) นำร่องลดอัตราดอกเบี้ย MRR สำหรับลูกค้าบุคคลและลูกค้าผู้ประกอบการ SME ลง 0.25% จากเดิม 6.87% เป็น 6.62% มีผล 6 ก.พ. (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

ความเห็น เป็นลบกับผลประกอบการปีนี้เนื่องจากทำให้ spread และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง  ฝ่ายวิจัยคาดว่า Consensus มีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปีนี้ลดลงจากปัจจุบันที่ 3.67 หมื่นล้านบาท ลดลง 5.3% แนะนำ ถือ” เนื่องจากหากเศรษฐกิจฟื้นตัวแบงก์ใหญ่จะได้รับประโยชน์

 (+/-) KTB (Bloomberg Consensus 18.04 บาท) กรุงไทยลุ้นระทึก ศาลตัดสินคดี AQ กลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ หากชนะเอคิวต้องจ่ายดอกเบี้ย 4 พันล้าน แต่ถ้าแพ้กรุงไทยต้องสำรองอื้อ โบรกฯคาด KTB มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษปีนี้ด้านผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 3-5%NPL ใหม่น้อยมากเพียง 0.84% ของสินเชื่อรวมราคา KTB มีอัพไซด์สูง จากพื้นฐาน 19 บาท มี P/BV ปี 63 เพียง 0.6 เท่า (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) JWD (Bloomberg Consensus 10.07 บาท) คาดปีนี้รายได้ธุรกิจโลจิสติกส์ยานยนต์เติบโตกว่า 10% ประเดิมคว้างานลูกค้าใหม่ 3 ราย มีมูลค่างานรอรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 130 ล้านบาท พร้อมเตรียมขยายบริการแก่ลูกค้าในอาเซียน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) DTC (Bloomberg Consensus 9.20 บาท)  ระบุว่า ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ลงนามในสัญญากับบริษัทเจเนอรัล เทคโนโลยี จอยท์ สต็อก คอมพานี เพื่อบริหาร โรงแรมดุสิต ทูฮวา พาเลซ ในเมืองฮานอย ทางตอนเหนือของเวียดนาม คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2565 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) MILL (Bloomberg Consensus - บาท) เผยเข้าซื้อหุ้น "ไอเจนพาวเวอร์เทค" หรือ IGPT จำนวน 49% มูลค่า 246.47 ล้านบาท ลุยธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้า Busduct ใช้ทดแทนสายไฟขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่อเนื่อง สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนและเงินปันผลได้ในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EPG (Bloomberg Consensus 8.69 บาท)  ยิ้มรับน้ำมันดิ่ง ต้นทุนลด เงินบาทอ่อนค่าหนุนซ้ำ ดันมาร์จิ้นทะยาน เดินหน้าเจาะลูกค้าอัพรายได้ส่งออก ส่วนงวดบัญชีปี 2563 คงเป้ารายได้โต 5-6% จากปีก่อน ด้านโบรกเกอร์ ฟันธงราคาวัตถุดิบลดลง ดันกำไรปกติทะยาน 15.8% พร้อมเชียร์สอยอนาคตไกล 9.10 บาท (ที่มา ทันหุ้น)