PTTEP - ถือ

PTTEP - ถือ

จะสำรวจแหล่งปิโตรเลียมมากขึ้นในปี 2563

Event

ข้อมูลที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์งวด 4Q62 อยู่ในเชิงกลางๆ

Impact

คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q63F จะลดลง QoQ

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ PTTEP ใน 1Q63 จะลดลง QoQ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ประมาณ US$58/bbl จาก US$62/bbl ใน 4Q62 เพราะถูกกระทบจากการระบาดของ coronavirus จากอู่ฮั่น ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของ PTTEP ลดลง แม้เราจะคาดว่าราคาขายก๊าซจะทรงตัว QoQ อยู่ที่ US$6.8/mmbtu โดยเรายังคงประมาณการปริมาณยอดขายเอาไว้เท่าเดิม QoQ ที่ 394KBOED ในขณะเดียวกันบริษัทก็ระบุว่าต้นทุนรวมต่อหน่วยใน 1Q63 น่าจะลดลง QoQ มาอยู่ที่ US$32.0/BOE จาก US$33.8/BOE เนื่องจากไม่มีการจ่ายโบนัสพนักงานเหมือนใน 4Q62

จะเน้น exploration และ execution ในปี 2563

เมื่อปีที่แล้ว PTTEP เน้นไปที่การซื้อสินทรัพย์เพื่อเพิ่มปริมาณยอดขายในอีกห้าปีข้างหน้า โดยได้ซื้อหุ้นเพิ่มในโครงการสินภูฮ่อม, ซื้อหุ้น 100% ในสินทรัพย์ของ Murphy และซื้อหุ้น 100% ในสินทรัพย์ของ Partex ในปี 2562 นอกจากนี้ บริษัทก็ได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในโครงการ Mozambique และ Algeria HBR เมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นปริมาณยอดขายของ PTTEP จึงจะเพิ่มขึ้น 6% CAGR ในช่วงปี 2563-2567 และอายุสำรอง P1 ก็ยาวขึ้นจาก 5 ปี เป็น 7.5 ปีในปี 2562 สำหรับในปี 2563 บริษัทมีแผนจะให้น้ำหนักกับ i) กิจกรรมการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาเลเซีย เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้ว (P1) และสินทรัพย์ที่มี margin สูงในพอร์ตการลงทุนของบริษัท และ ii) การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจอย่างราบรื่นและความต่อเนื่องของการผลิต เพื่อให้ปริมาณการผลิตของโครงการเอราวัณและบงกชได้ตามที่ทำสัญญาไว้กับทางรัฐตั้งแต่ปี 2565-2566 เป็นต้นไป รวมถึงเพิ่มปริมาณยอดขายจาก
สินทรัพย์ของ Murphy ให้มากที่สุด และรักษาปริมาณยอดขายของสินทรัพย์ของ Partex

คาดว่าเงินสดจะเพิ่มขึ้น 500 ล้านเหรียญในอีกห้าปีข้างหน้า

ภายใต้สมมติฐานของ PTTEP ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2563 จะอยู่ที่ US$60/bbl และราคาเฉลี่ยระยะยาวที่ US$63/bbl บริษัทคาดว่าจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) ประมาณ 1.9 หมื่นล้านเหรียญในอีกห้าปีข้างหน้า ในขณะที่ตั้งงบการลงทุนปี 2563-2567 เอาไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่ง
หมายความว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสด free cash flow (FCF) ประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ซึ่งหลังจากไถ่ถอนหุ้นกู้ จ่ายเงินปันผล และจ่ายดอกเบี้ยแล้ว บริษัทจะมีเงินสดเพิ่มขึ้นประมาณ 500 ล้านเหรียญ ซึ่งเมื่อบวกกับเงินสดตั้งต้นปี 2563 ที่ 3.0 พันล้านเหรียญก็จะทำให้เงินสดเมื่อสิ้นปี 2567 เพิ่มเป็น 3.5
พันล้านเหรียญ

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ และคงราคาเป้าหมาย DCF ไว้ที่ 135.00 บาท อิงจาก WACC ที่ 11% และ terminal growth ที่ 1%

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ และการกลับรายการ DTA ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 100 ล้านเหรียญหลังจากที่กฎหมายใหม่เรื่องการบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีของไทยมีผลบังคับใช้เต็มที่ (อาจจะภายใน 1H63)