‘ค่าฟีบจ.ใหม่-เงินลงทุน’หนุนรายได้ตลาดหลักทรัพย์
“ตลาดหลักทรัพย์”แจงปี62 ขาดทุน 2.5พันล้าน เหตุมีรายการพิเศษต้องโอนเงินเข้ากองทุน CMDF กว่า 5.7 พันล้านบาท ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 7.2พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากปีก่อน เหตุบจ.และหลักทรัพย์ใหม่เพิ่มขึ้น หนุนรายได้จากการดำเนินงาน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออก statement ชี้แจงผลการดำเนินงานปี 2562 ว่า ตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้รวม7,286ล้านบาท เพิ่มขึ้น10.75%จากปีก่อนหน้า โดยรายได้จากการดําเนินงานเพิ่มขึ้น 162 ล้านบาท ที่สำคัญจากจํานวนบริษัทจดทะเบียนและหลักทรัพย์ใหม่เพิ่มขึ้น มีรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 184 ล้านบาทที่สำคัญจากการรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยจากเหตุวางเพลิงอาคารเดิมของตลาดหลักทรัพย์ และรายได้จากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 362 ล้านบาทที่สําคัญจากกําไรจากการขายกองทุนและกําไรจากการmark to marketของเงินลงทุน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่4,217ล้านบาท เพิ่มขึ้น6%จากปีก่อนหน้า จากค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่โดย ในปี2562กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้รวมสูงกว่าค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน3,114ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 มีการออกพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่6)กำหนดให้ตลาดหลักทรัพย์ ทำการโอนเงินให้กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เป็นจำนวน5,700ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการพิเศษเฉพาะปี2562 ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้สุทธิ 2,599ล้านบาท
ทั้งนี้ การเงินโอนให้กองทุน CMDF จำนวน 5,700 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2562 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนหรือการกำกับดูแลตลาดทุน เป็นต้น
สำหรับรายละเอียดรายได้จากกการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ มีดังนี้ รายได้จากธุรกิจตราสารทุน รวม 2,768 ล้านบาท ลดลง 57 ล้านบาท หรือ 2.02 % เมื่อเทียบกับปี 2561 จากค่าธรรมเนียม การซื้อขายและงานชําระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ลดลง จํานวน 131 ล้านบาท ตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวัน ขณะที่ค่าธรรมเนียมหลักทรัพย์จดทะเบียน เพิ่มขึ้น จํานวน 80 ล้านบาท หรือ 12.44% ตามจํานวนหลักทรัพย์จดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น
แยกเป็น ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ 1,298 ล้านบาท , งานชําระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ 368 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมหลักทรัพย์จดทะเบียน 723 ล้านบาท , งานรับฝากหลักทรัพย์ 347 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมสมาชิก 32 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจตราสารอนุพันธ์ รวม 806 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 41 ล้านบาท หรือ 5.36% เมื่ เทียบกับปี 2561 จากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นของตราสารอนุพันธ์ โดยเฉพาะกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ประเภททองคํา (Gold Online Futures) แยกเป็น ค่าธรรมเนียมการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 541 ล้านบาท , งานชําระราคา 233 ล้านบาท , ค่าธรรมเนียมสมาชิก 32 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจบริการเทคโนโลยี รวม 1,064 ล้านบาท แยกเป็น การบริการบริษัทหลักทรัพย์ 420 ล้านบาท , ค่าบริการข้อมูล 367 ล้านบาท , ค่าสนับสนุนงานเทคโนโลยีสารสนเทศ 277 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจบริการงานนายทะเบียนและงานบริการรวมม 1,246 ล้านบาท แยกเป็น งานนายทะเบียนหลักทรัพย์ 1,226 ล้านบาท และ งานบริการกองทุน 20 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากเงินลงทุนอยู่ที่ 948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% จากปีก่อนหน้า แยกเป็นดอกเบี้ยรับ 217 ล้านบาท เงินปันผลรับ 144 ล้านบาท กําไรจากการขายเงินลงทุน 420 ล้านบาท กําไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุน 90 ล้านบาท และ กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและอื่นๆ 77 ล้านบาท