มีโอกาสฟื้นตัวหลัง "SET Index" ลงเร็วจนทดสอบ downside ที่ 1250 จุด  

มีโอกาสฟื้นตัวหลัง "SET Index" ลงเร็วจนทดสอบ downside ที่ 1250 จุด  

สงครามราคามีแนวโน้มกดดันน้ำมันดิบต่อเนื่อง

รมว.พลังงานรัสเซียยืนยันที่จะรักษาส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโดยไม่สนใจราคา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการพร้อมทำสงครามราคา โดยกระทรวงการคลังรัสเซียยืนยันฐานะการคลังในช่วง 6-10 ปี ไม่กระทบแม้ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 25-30 เหรียญ/บาร์เรล ทั้งนี้หากอิงต้นทุนการผลิตของซาอุดิอาระเบียที่ต่ำมากเพียง 9-10 เหรียญ/บาร์เรล เทียบกับรัสเซีย และสหรัฐฯ ที่ราว 19-20 และ 23-25 เหรียญ/บาร์เรล ตามลำดับ ทำให้มีความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันดิบอาจเคลื่อนไหวในระดับ 25-30 เหรียญฯ ซึ่งจะกดดันต่อการผลิตในสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยลบกับหุ้นพลังงาน อย่างไรก็ตามคาดตลาดจะเริ่มมองไปยังผลดีจากต้นทุนน้ำมันที่ลดลง ซึ่งจะบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี (แม้ทั้ง 2 กลุ่มอาจมีขาดทุนจากสต็อคที่สูงมากในช่วงไตรมาส 1/63 ก็ตาม)

สถานการณ์ระบาดยังเดินหน้า ติดตามมาตรการสหรัฐฯ จำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนยังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอิตาลีและอิหร่าน ซึ่งล่าสุดอิตาลีมีการประกาศเพิ่มพื้นที่ควบคุมเป็นทั่วประเทศ  สถานการณ์การระบาดและวิกฤติสงครามราคาน้ำมันทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงในระดับเฉลี่ย 8% ขณะที่สหรัฐฯ เฟดอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบและ เพิ่มวงเงินการซื้อคืนพันธบัตร ขณะที่ประธานาธิปดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีเงินเดือน และมาตรการเร่งด่วนอื่น ส่งผลให้ดัชนีล่วงหน้าดาวโจนส์ ฟื้นจากติดลบกว่า 400 จุดกลับมาบวกกว่า 600 จุด

กลุ่มซีพี ชนะการเข้าประมูลซื้อ Tesco Lotus ด้วยการเสนอราคาสูงสุดเหนือ Central และ TCC ที่ราคา 3.38 ล้านบาท โดยใช้โครงสร้างของบริษัทโฮลดิ้ง โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นโดย CPALL (40%), CPF (20% - ผ่าน CP Merchandising) และ CP Holding (40%) ทั้งนี้โครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าวเฉลี่ยภาระทางการเงินในการเข้าซื้อ และทำให้บริษัทจดทะเบียนทั้ง 2 แห่ง ไม่มีความจำแป็นต้องเพิ่มทุน แต่ผลการดำเนินงานอาจปรับลดลงบ้างจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่มากขึ้น ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ดี

ภาพรวมกลยุทธ์ ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวหลังดัชนีปรับลดลงถึง downside 1250 จุด ที่เราประเมินในสัมมนาออนไลน์ “อัพเดตเศรษฐกิจ กลยุทธ์การลงทุน และผลกระทบ Covid-19 ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดคาดการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) พฤหัสนี้จะเห็นมาตรการผ่อนคลายเช่นกัน  // หุ้นแนะนำวันนี้ BPP*, BJC* / ทยอยสะสม WHAUP* / เก็งกำไร EPG* (เป้า 4.80 ตัดขาดทุน 4.22)

แนวรับ 1220-1250 จุด / แนวต้าน : 1273-1300 สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%.

 

ประเด็นการลงทุน

ครม.จ่อเคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ – ครม.เตรียมพิจารณาเคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น 2 เดือน รับมือ Covid-19 อัดแพ็คเกจ 4.5 หมื่นล้าน คืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า ตรึงค่าไฟ 3 เดือน นายกฯ สั่งถอยแจกเงิน 2000 วัน คลังเสนอแผนฟื้นตลาดทุนเพิ่มลดหย่อน SSF เป็น 4 แสนบาท

IEA ลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบ – IEA ปรับลดคาดการ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2563 ลงเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 โดยเป็นการปรับลดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552

หุ้นได้ประโยชน์จากน้ำมันลง - ได้แก่ กลุ่มโรงกลั่น และผู้บริโภคน้ำมันและใช้ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ อาทิ SCC, EPG, TASCO จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่ อาจเผชิญขาดทุนสต็อคก่อนจะได้ประโยชน์ (สถานการณ์คล้ายโรงกลั่น)

หุ้นที่มีโอกาสฟื้นตัว – หุ้นใน SET100 ที่ปรับลดลงมาก 10 อันดับ ได้แก่ IRPC, THAI, BANPU, ESSO, CPN, PTTGC, TOP, IVL, PSL, TMB เน้นเก็งกำไรและขายก่อนผลประกอบการไตรมาส 1/63

ค่าระวางเรือ – ล่าสุดอยู่ที่ 616 เปลี่ยนแปลง -1.00 หรือ -0.16%

 

ประเด็นติดตาม: 12 มี.ค. – ECB meeting / 18 มี.ค. – FOMC meeting / 25 มี.ค. ประชุม กนง. / 31 มี.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)