‘8 โบรก’ หั่นเป้า ‘ปตท.-ปตท.สผ.’ ‘ไอเอเอ’ ชี้ราคาดิ่งแรงเกิน
หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการร่วมมือกับพันธมิตรหลัก เช่น รัสเซีย เพื่อลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 2% หรือราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทำให้ “ซาอุดิอาระเบีย” พี่ใหญ่สุดในกลุ่มโอเปก ต้องแก้เกมด้วยการประกาศ “ลด” ราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ(โอเอสพี) และ “เพิ่มกำลังผลิต” น้ำมันสู่ระดับ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งไม่ต่างจากการประกาศ “สงครามราคา” หรือ price war ทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดเวสต์เท็กซัสร่วงลงต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 32-33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวานนี้(10มี.ค.) อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงเฉียด 40% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา สร้างแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานของไทย โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)
หุ้น PTTEP ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์(9มี.ค.) ราคาร่วงลงจนชนเพดานการซื้อขายล่าง(ฟลอร์) ขณะที่ในวานนี้ ยังคงลดลงต่อเนื่องอีก 5.69% มาปิดตลาดที่ 70.50 บาท ส่วนหุ้น PTT ปิดตลาดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ลดลง 25.33% ก่อนรีบาวด์ขึ้นในวานนี้ โดยปิดที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.79%
แม้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับลดลงรุนแรง ทำให้ “นักวิเคราะห์” ต้องปรับ “ประมาณการกำไร” และ “ราคาเป้าหมาย” ของหุ้น PTT และ PTTEP ใหม่ เพียงแต่ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัท ปรับลงแรงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน
สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนได้ทำผลสำรวจความเห็นของสมาชิก "IAA Survey" เฉพาะกิจหุ้น PTT และ PTTEP พบว่ามี 8 โบรกเกอร์ ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า , บล.ทิโก้,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ,บล. คิงส์ฟอร์ด ,บล. บัวหลวง ,บล.เคจีไอ , บล.กสิกรไทย , บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ที่ปรับประมาณการแล้วเสร็จ โดยเฉลี่ยมีการปรับลดสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปีนี้ลงเฉลี่ย 20 % อยู่ที่ 45.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และปี 2564 อยู่ที่ 50 ดอลลาร์
สำหรับหุ้น PTTEP โบรกเกอร์ 8 แห่ง ปรับลดอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) 2563 เฉลี่ยเหลือ 6.20 บาท ลดลง 49.60% และปรับลดราคาเป้าหมายเหลือเฉลี่ย 98.27 บาท คาดผลตอบแทนเงินปันผล(ดิวิเดนยิลล์) เฉลี่ย 4.81% โดย บล.หยวนต้า ปรับลด EPS ปีนี้ เหลือ 6.52 บาท ลดลง 40.2 % และราคาเป้าหมายเหลือ 91 บาท คาดดิวิเดนยิลล์ที่ 4.36%
บล.ทิสโก้ ปรับลด EPS ปีนี้เหลือ 5.48 บาท ลดลง 53.9 % และราคาป้าหมายเหลือ 79 บาท มีค่า P/E ที่ 13.64 เท่า คาดดิวิเดนยิลล์ปีนี้ที่ 3.13% ,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ปรับ EPSปีนี้อยู่ที่ 7.48บาท หรือลดลง 32.2 % และราคาเป้าหมายเหลือ 70 บาท คาดดิวิเดนยิลด์5 %
บล.คิงส์ฟอร์ด ปรับลดEPS ปีนี้ลง 24.2 % อยู่ที่ 9.14 บาท และราคาเป้าหมายเหลือ 102บาท ,บล.บัวหลวง ปรับลด EPS ปีนี้ลง38.3 %อยู่ที่ 7.37บาท และราคาเป้าหมายเหลือ 85บาท คาดดิวิเดนยิลด์ที่ 4.95 %
ด้านบล.เคจีไอ ปรับลดEPSปีนี้ลง48.4 % อยู่ที่6.35บาท และราคาเป้าหมายเหลือ 91 บาท คาดิวิเดนยิลด์ที่ 4.24% ,บล.กสิกรไทย ปรับลด EPSปีนี้ 41.8 % อยู่ที่ 7.15บาท และราคาเป้าหมายเหลือ 107 บาท คาดดิวิเดนยิลด์ที่ 6.79%และ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ปรับลด EPSปีนี้ลง58.6 % อยู่ที่ 5.09 บาท และราคาเป้าหมายเหลือ 96.80 บาท ดิวิเดนยิลด์ที่ 3.41 %
ส่วนหุ้น PTT บล.คิงส์ฟอร์ด ปรับลด EPS ปีนี้ลง14.2 % อยู่ที่ 2.91 บาท ให้ราคาเป้าหมายที่ 38 บาท คาดดิวิเดนยิลล์ที่ 7.10% และ บล. บัวหลวง ปรับลดEPSปีนี้ ลง7.6 % อยู่ที่ 3.03บาท ลดราคาเป้าหมายอยู่ที่ 45 บาท ส่วนบล.หยวนต้า ปรับราคาเป้าหมายอยู่ที่ 33-36 บาท และบล.กสิกรไทยปรับราคาเป้าหมายปีนี้เหลือ 35.6 บาท โดยเฉลี่ยแล้วโบรกเกอร์ดังกล่าวปรับลดราคาเป้าหมายปีนี้ลงเหลือ 38.27 บาท และ EPS ลงเฉลี่ย 17.7 % อยู่ที่ 2.72 บาท
‘สมบัติ นราวุฒิชัย’ เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า จากผลสำรวจราคาหุ้น PTTEP โบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายปีนี้เฉลี่ยที่ 98.27 บาท สูงกว่าราคาปิด ณ วันที่ 9 มี.ค. ประมาณ 24 % และ คาดดิวิเดนยิลด์อยู่ที่ 4.81 % จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนระยะยาว และราคาหุ้น PTT ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 28 บาท เมื่อวันที่ 9 มี.ค นั้นเป็นระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่นักวิเคราะห์ปรับประมาณการแล้ว ถึง 27 % และคาดมีดิวิเดนยิลล์ที่ 7.10 % จึงเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนระยะยาวเข้าลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดี