MTC - ซื้อ

MTC - ซื้อ

ความกังวลเรื่องการรีไฟแนนซ์ และหนี้เสียกดราคา

Event

ปรับเพิ่มคำแนะนำ

lmpact

มีแผน refinance ในระยะสั้นที่แน่นอนแล้ว

ความกังวลเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ หนี้ระยะสั้นทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก และฉุดให้ราคาหุ้นร่วงแรงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทั้งนี้ส่วนต่างดอกเบี้ยพันธบัตรกับตราสารหนี้เอกชน (creditspread) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการรีไฟแนนซ์ หุ้นกู้ และการออกตราสารทางหนี้
ทางการเงินล็อตใหม่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยบริษัทมีหุ้นกู้ระยะสั้น และสินเชื่อระยะสั้นประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทที่จะต้องชำระคืน หรือรีไฟแนนซ์ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นหุ้นกู้ดังกล่าวส่วนใหญ่ที่จะครบกำหนดใน 3Q63 และ 4Q63 ประมาณ 6 พันล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรีไฟแนนซ์ หุ้นกู้ล็อตดังกล่าว MTC ได้ออกหุ้นกู้ระยะสั้น 3.0 พันล้านบาทไปแล้วในเดือนมีนาคม 2563 และได้ขออนุมัติเครดิตไลน์จากธนาคารอีก 1.1 หมื่นล้านบาท

ต้นทุนในการทำรีไฟแนนซ์ ยังลดลง

MTC มีข้อจำกัด (debt covenant) กับผู้ถือหุ้นกู้ในการรักษา D/E ที่ 7.0x และกับธนาคารที่ D/E 4.5x โดย D/E ในปัจจุบันอของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 3.4x ซึ่งยังไม่ตึงเกินไปสำหรับจะออกหุ้นกู้ใหม่ และ รีไฟแนนซ์ หุ้นกู้เดิม ทั้งนี้ แม้จะปรับเพิ่มสมมติฐาน credit spread ให้สูงขึ้นสำหรับการออกหุ้นกู้ใหม่แล้วต้นทุนในการรีไฟแนนซ์ จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 3.1-3.2% เท่านั้น (เทียบกับหุ้นกู้เดิมจะหมดอายุมีต้นทุน 3.5-4%) ในขณะที่ความเสี่ยงด้านเรตติ้งยังคงต่ำจากความสามารถในการชำระคืน/รีไฟแนนซ์ หนี้ระยะสั้น และการกระจายพอร์ตสินเชื่อลูกค้ารายย่อยผ่านบริการไมโครไฟแนนซ์

สินเชื่อเร่งตัวขึ้นใน 1Q63 แต่คาดว่า NPL จะเริ่มขยับสูงขึ้นใน 2Q63

เนื่องจากเศรษฐกิจเกิดเหตุไม่คาดหมายขึ้นใน 1Q63 ทำให้อุปสงค์สินเชื่อพุ่งสูงขึ้นใน 1Q63 เป็น 25% ในขณะที่สัดส่วน NPL ยังทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 1% แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสน่าจะส่งผลกระทบทางลบต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลาย 1Q63 ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ NPL จะเพิ่มขึ้นใน 2Q63 ดังนั้น เราจึงใช้สมมติฐานว่า NPL จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวใน 2Q63 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการตั้งสำรองหนี้เสีย (credit cost) ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 120bps (จากประมาณการเดิมที่ 85bps)

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563/64 ลง 10%/7% และปรับราคาเป้าหมายปี63F เหลือ 49 บาท(P/E 22x)

เราปรับลดประมาณการกำไรลงเพื่อสะท้อนถึง 1.) การปรับเพิ่มสมมติฐาน credit cost เป็น 120bps ในปี 2563/64 (จากเดิมที่ปีละ 85bps) 2.) การปรับเพิ่มสัดส่วนต้นทุน/รายได้เป็นปีละ 42% (จากเดิมที่ปีละ40%) และ 3.) การปรับลด yield สินเชื่อลง 60bps จากการที่โครงสร้างสินทรัพย์เปลี่ยนไปเป็นแบบที่มีความเสี่ยงลดลง ทั้งนี้ เราได้ปรับลด (de-rate) P/E ลงมาที่ 22x (ค่าเฉลี่ยระยะยาว -1 S.D.) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 63F ที่ 49 บาท (ลดลงจากเดิมที่ 62.50 บาท) แต่ถึงจะปรับลดราคาเป้าหมายลงมาแล้วก็ยังมี upside อยู่อีกพอสมควร ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ

Risks

เกิด NPL ใหม่ก้อนใหญ่ สินเชื่อไม่โตตามคาด